The Birth of The Pill

เคยอ่านเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศด้วยเทคโนโลยีมาบ้าง คือเรื่องผ้าอนามัย (ใน In order to live) สัปดาห์ที่ผ่านมาอ่านเล่มนี้อีกรอบ ทำให้เห็นอีกมุมในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นแดนเสรีอย่างสหรัฐฯ

  • เอาเข้าจริงก็ไม่ได้แปลกใจมากนักเรื่องความอนุรักษ์นิยมในสหรัฐฯ (เคยอ่านเรื่องยุค prohibition) แต่ก็พบว่าเอาจริงๆ มันเปลี่ยนเร็วมากในแค่ 60 ปีที่ผ่านมา ปี 1960 กฎหมายห้ามสนับสนุนการ “คุมกำเนิด” (ไม่ใช่ทำแท้ง) ยังเต็มประเทศ
  • ยุคนั้นการอนุมัติยาใช้ข้อมูลน้อยกว่าทุกวันนี้? ตัวยาคุมกำเนิดเปิดตัวมาใช้ n ไม่ถึง 50 เริ่ม 100 คนแต่กลุ่มตัวอย่างถอนตัวไปกลางทางเกินครึ่ง
  • รายงานวิจัยอาศัยการขยายผลด้วยการบอกว่าไม่มีการท้องใน “รอบเดือน” ที่มีการกินยา เพื่อให้ตัวเลข n มันเยอะๆ เข้า
  • ตัวยาผ่าน FDA ครั้งแรกด้วยการระบุข้อบ่งใช้เป็น “ยาควบคุมรอบเดือน” ให้มาตรง โดยมีผลข้างเคียงในคำเตือนคือทำให้ไม่ตกไข่
  • การบิดคำพูดในการใช้งาน สร้างข้อถกเถียงใหม่หมู่คาธอลิกว่าการใช้ยายอมรับได้หรือไม่ ตัวศาสนจักรไม่ยอมรับการคุมกำเนิดมาตลอด แต่ก่อนหน้านี้ศาสนจักรเคยวินิจฉัยว่าการเป็นหมันหรือไม่มีลูกโดยธรรมชาติ (เช่นการนับวัน) ยอมรับได้ อีกทางคือการรักษาอย่างอื่นโดยไม่ตั้งใจแล้วทำให้เป็นหมันก็ถือว่าไม่ผิด ทีนี้พอผู้หญิงบอกว่าประจำเดือนมาไม่ปกติแล้วกินยามันทั้งปีทั้งชาตินี่จะยอมรับไหม?
  • คนร่วมวิจัยและคนให้ทุนได้ผลประโยชน์ไม่มากนัก Katharine McCormick ที่เป็นนายทุนหลักแทบจะไม่ได้อะไรกลับมานอกจากการทำตามความเชื่อเรื่องสิทธิสตรีของตัวเอง
 

Issac Asimov

A robot may not injure a human being, or, through inaction, allow a human being to come to harm.

Issac Asimov, The Three Laws of Robotics

 

My tomorrow, Your yesterday

เพิ่งได้ดูในเครื่องบิน ทั้งที่เคยจะไปดูในโรง

  • พล็อตเรื่องค่อนข้างแปลกหน่อย (เวลาเดินทางสวนกัน) แต่องค์ประกอบก็หนังรักทั่วไป ที่บอกว่าสองคนเป็นคู่แท้แต่มีเวลาด้วยกันจำกัด จะป่วย จะลาจาก ฯลฯ แต่เนื้อเรื่องคือเวลามีจำกัดจะใช้มันยังไง
  • พล็อตเวลาเดินสวนกันทำให้คิดถึง Time Traveller’s Wife ที่เวลาสองคนเดินไม่ตรงกัน แต่เรื่องนี้ตรงไปตรงมากว่าคือสวนกันตรงๆ เลย คนนึงเดินหน้า คนนึงถอยหลัง
  • ทำให้เนื้อเรื่องไม่เน้นให้ความหวังอะไรอีก จบแล้วก็จบไป Time Traveller’s Wife ยังมีความหวังได้เจอกันอีก หรืออย่างกวนมึนโฮก็ทิ้งความหวังไว้ตอนท้าย
  • แอบสงสัยชีวิตทั้งสองคนอีก ในเมื่อรู้ว่าเป็นคู่กันไม่ได้แล้วจะมีชีวิตของตัวเองกันต่อไปไหม
  • วันที่ 1 ไม่สมเหตุสมผล เป็นวันสุดท้ายแต่ทำไมยอมจากกันแต่เช้า?
  • ฉากเดินผ่านหินข้ามแม่น้ำเล่นซ้ำไปมาเยอะเกิน ทั้งที่ดูไม่ได้สำคัญอะไร ไม่มีบทพูดด้วยซ้ำ
  • แล้วทำไมต้องเล่นตามบันทึก หลายเรื่องที่เป็นแนวเดียวกันมักบอกว่าตัวเอกได้พยายามนอกบทแล้วแต่ไม่สำเร็จ แต่เรื่องนี้พอบอกแค่ว่าไม่พอใจ แต่ไม่ได้พยายามทดลองออกนอกบันทึกอีก เหมือนยอมแพ้ไปเฉยๆ
  • เสื้อผ้านางเอกดูอลังการมาก เสื้อโค้ดโน่นนี่เต็มไปหมด
 

รถอัตโนมัติ

ต่อจากตอนเดิมอีกหน่อย เพราะเพิ่งเห็นทวีตของ Elon Musk

เลยนึกได้ว่าอีกข้อนึงที่รถอัตโมัติจะชนะคือมันจะถูกอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ต้องมีพวงมาลัยไม่ต้องมีหน้าจอแสดงข้อมูลสารพัด (ซึ่งเป็นต้นทุนผลิต)

เช่นเดียวกับรถไฟฟ้า Tesla ที่ทุกวันนี้ไม่มีเพลากลางห้องโดยสารเลยกว้างขึ้นมาก ถ้าพวงมาลัย, เบรก, คันเร่ง หายไป ห้องโดยสารจะกว้างกว่าเดิม ต้นทุนผลิต (ในระยะยาว) จะถูกลงมาก แม้ว่าตอนแรกจะแพงกว่า แบบเดียวกับ Tablet ที่ตอนแรกอาจจะแพง แต่ชิ้นส่วนน้อยกว่าก็กดราคากันลงไปได้เหลือไม่กี่พัน