ภาษี 2100

ในปี 2100

ชายคนหนึ่งออกวิ่งระดมทุน เป้าหมายของเขาคือการเพิ่มงบประมาณสาธารณสุขเป็น 8% ของ GDP เพิ่มจากปีก่อนหน้า ที่อยู่ที่ 7.5% ของ GDP ภายใน 3 ปีข้างหน้า

เขาชี้ว่าเงิน 0.5% ของ GDP ที่เพิ่มขึ้นมา จะทำให้มีโรงพยาบาลระดับศูนย์กระจายในพื้นที่ห่างไกลได้อีกอย่างน้อย 3-5 โรงพยาบาล ระยะเวลาส่งต่อผู้ป่วยร้ายแรงของประเทศลดลงโดยเฉลี่ย 2-3 ชั่วโมง ระยะเวลานานที่สุดจาก 5 ชั่วโมงลดลงเหลือ 3 ชั่วโมงเท่านั้น

บริษัทจำนวนมากเห็นด้วยกับเขา ออกตัวเป็นสปอนเซอร์งานด้วยการสนับสนุนงานวิจัย พบว่านอกจากโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้น สิ่งที่ได้คือแพทย์ไหลกลับจากภาคเอกชน อาจจะรวมถึงแพทย์เชี่ยวชาญสูงที่ออกไปทำงานต่างประเทศไหลกลับประเทศ ทำให้ศักยภาพการวิจัยระดับสูงโดยรวมเพิ่มขึ้น คาดว่าเมื่อคงอัตรางบประมาณไว้ได้อีก 10 ปี จะมีงานวิจัยตีพิมพ์เพิ่มขึ้นอีก 10-15%

ผมพบแคมเปญของชายคนนั้นบนเฟซบุ๊ก (เฟซบุ๊ก 2100 หลานมาร์ค ซักเกอร์เบิร์คไม่ยอมให้เว็บมี scroll bar แล้ว มันจะเด้ง content ให้ผมดูทีละอันสลับกับโฆษณา) เมื่อกดลิงก์ มันเด้งไปยังหน้าเว็บกรมสรรพภากร

เว็บสรรพภากรไม่ใช่ยาขมสำหรับคนทั่วไปเหมือนสมัยปี 2000 อีกแล้ว ไม่มีใครเสียเวลาทำมาหากินเป็นวันๆ มากรอกแบบฟอร์มภาษีอันซับซ้อนและภาวนาให้กรอกถูกโดยไม่ต้องโดนเรียกไปชี้แจงเหมือนร้อยปีก่อน ทุกอย่างเป็นระบบอัตโนมัติ มีเพียงคำยืนยันรายเดือนว่าเดือนนี้เก็บภาษีไปมากน้อยเพียงใด ปีที่แล้วพบว่ามีอัตราการร้องเรียนว่าคิดเงินผิดเพียงไม่กี่ร้อยกรณี น้อยกว่าบิลค่าโทรศัพท์มือถือเมื่อร้อยปีก่อนเสียอีก

แต่เว็บสรรพภากรเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเข้าใช้งานได้ทุกวัน เพราะทุกคนสามารถเลือก “โยน” ภาษีของตัวเองลงโครงการหรือหน่วยงานของรัฐใดๆ ก็ได้ตามใจชอบ

หน้าเว็บที่เหมือนกับเว็บ KickStarter เด้งขึ้นมาทันที มีโครงการโรงพยาบาลศูนย์ที่กำลังเปิดใหม่ต้องการอัพเกรดห้องตรวจ ผอ. โรงพยาบาลเขียนจดหมายเปิดผนึกว่าโรงพยาบาลใช้ห้องตรวจนี้ดูแลคนไข้เฉลี่ยวันละ 80 คน และการปรับปรุงนี้คุ้มค่างบประมาณที่ขอมาไม่กี่แสนบาท ผมกดแบ่งเงินภาษีเดือนปัจจุบันลงโครงการนี้ไปหนึ่งพันบาท

ระบบปรับเงินภาษีเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2080 มันออกแบบให้ประชาชนเลือกวางเงินภาษีของตัวเองได้ตามใจชอบ โดยรัฐบาลมีกำหนดขั้นต่ำเอาไว้บางหมวด เช่น ความมั่นคงขั้นต่ำ 0.05% ของ GDP, งบภัยพิบัติ 0.1% ของ GDP และงานบริหารอื่นๆ 0.2% ของ GDP ส่วนที่เหลือทั้งหมดสามารถปรับหลอดสัดส่วนการกระจายภาษีไปให้กับกระทรวงต่างๆ ตามหลอดสัดส่วน เช่น สาธารณะสุข, ท้องถิ่น, ความมั่นคง

ปีที่แล้วสภาใช้เวลาถกเถียงกันครึ่งหนึ่ง เพราะรัฐบาลต้องการเพิ่ม “ค่าเริ่มต้น” งบประมาณบริหารทั่วไปสำหรับคนที่ไม่ตั้งค่าด้วยตัวเอง จาก 5% ของภาษีเป็น 7%

แต่สิ่งที่ต้องคิดคือเรื่องในอนาคต การเพิ่มงบสาธารณะสุขในปีสามปี โครงการ “ก้าวละ 1% ของ GDP” เด้งขึ้นมา เงินจำนวนมากขนาดนั้นหากผมปรับเงินภาษีของผมไปอยู่กับสาธารณสุขทั้งหมด หมายถึงผมต้องลดสัดส่วนภาษีให้กับการจ่ายท้องถิ่นลง ผมมองเห็นโครงการปรับปรุงถนนหน้าบ้านที่เพิ่งหยอดเงินภาษีลงไปให้เมื่อเดือนที่แล้ว คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะปล่อยให้โครงการหมดงบประมาณหลังเฟสแรก

เมื่อกดเข้าหน้าโครงการ ปุ่มสีเขียวขนาดใหญ่ระบุว่า “โอนภาษีที่เพิ่มขึ้นจากปีนี้ ไปให้สาธารณะสุขทั้งหมดในอีก 3 ปีข้างหน้า” ผมยิ้มอย่างสบายใจ แสดงว่าตัวเงินภาษีที่ผมตั้งไว้ให้ท้องถิ่นจะไม่ลดลงเลยในสามปีข้างหน้า หวังว่าถนนทั้งสายจะเสร็จก่อน หากรายได้ผมเพิ่มขึ้นจนภาษีเพิ่มขึ้น ส่วนที่เพิ่มขึ้นจะกลายเป็นงบประมาณสาธารณะสุขโดยอัตโนมัติ มันคงไม่มากอะไรนักสำหรับผมคนเดียว แต่ถ้าทุกคนกดปุ่มนี้ อีก 2.5% ของ GDP ในสามปีคงไม่ยากมาก

เราคงต้องรอดูผลกันในปี 2103

ปล. ห้าปีก่อนมี อาหาร 2100

 

lewcpe

CTO at MFEC PLC. Chief Editor at Blognone.com