ตรงที่จอดรถ park n ride ของ MRT จะมีตลาดนัดอยู่ข้างหน้าทุกวันเสาร์ ผมเองเห็นอยู่บ่อยๆ ก็ว่าจะไปเดินดู จนเมื่อวันเสาร์ก็ได้เวลาไปเดินดูจริงๆ

เดินๆ พบว่ามันเป็นตลาดนัดแบบอาร์ตๆ มีของเก่าๆ มาขายกัน สลับกับของใหม่บ้าง คงเพราะที่กว้างเกินไปจะหาของอาร์ดมาขายได้หมด

ของที่เจอบ่อยคือส่วนประกอบรถเก่าๆ ของมือสอง แม้แต่ฮาร์ดดิสก์ IDE!!! (นี่กูแก่ขนาดนั้นแล้วหรือ???) ไว้ว้างๆ รื้อฮาร์ดดิสก์ 5 นิ้วมาขายบ้างน่าจะขายดี :P

โดยรวมๆ แล้วก็น่าเดินเล่นดี ถ้าใครอยากเปิดร้านอาหารแบบแนวๆ หน่อยก็น่าจะเวิร์ค แต่ให้มาแต่งบ้านจริงๆ คงไม่ไหว

หัวจ่ายน้ำมันเก่าๆ ก็ยังเอามาขายกัน ไม่รู้ว่าจะเอาไปแต่งบ้านกันตรงไหน?

ผมเองตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นๆ แต่สุดท้ายก็มาเสียเงินเอาร้านน้ำ เพราะมันขลัง… เล่นเอา Cherry Coke ยังไม่ได้เปิดขวดมาวางไว้หน้าร้านเลยทีเดียว

โดยรวมแล้วก็ไปเดินๆ เล่นได้ ที่จอดรถเยอะมาก แต่ชั่วโมงละ 30 บาท ถ้าใครไปธุระที่อื่นแล้วจอดรถทิ้งไว้วันเสาร์ มาเดินสักชั่วโมงก็ออกกำลังกายดี กับได้เห็นอะไรแปลกตาพอสมควร

ข่าว MBA ตัวใหม่ที่ออกมา แม้จะตรงกับข่าวลือก่อนหน้าแทบทั้งหมด แต่แอปเปิลก็ยังเป็นแอปเปิล คือยังสร้างความน่าตืนเต้นให้กับสินค้าใหม่ๆ ได้อย่างไม่เสื่อมคลาย

แอปเปิลยังคงกลยุทธเดิม คือทำของในระดับแพงแล้วกดราคามาให้อยู่ที่ราคาพอจะซื้อได้

ในความเห็นของผม MacBook Air ขายดีแน่นอนครับ และผมหวังให้มันขายดีกว่าที่ผมคิดอีกด้วย

ไม่ใช่เพราะผมอยากได้ (30,000 ยังไม่ถูกพอสำหรับผมที่แค่อยากเล่น OSX บ้าง) อย่างไรก็ดี ราคา 999$ เป็นราคาสำคัญสำหรับการตัดสินใจซื้อของสินค้ากระแสหลัก และ MBA เองก็สร้างจุดขายชั้นดีคือน้ำหนักได้อย่างลงตัว USB สองพอร์ตแม้จะแย่กว่ายี่ห้ออื่น แต่ก็คงไม่ใช่อะไรที่เอาไปเถียงคนอื่นไม่ออกแบบรูเดียวเหมือนรุ่นเดิมอีกต่อไป

ข้อเสียที่ไม่แย่เกินไป ข้อดีที่มากพอ และราคาที่ไม่ใช้ข้อจำกัด พร้อมจะส่งให้ MBA เป็นด่านหน้าของการรบกับพีซีอย่างแข็งแกร่ง

ผมหวังว่าสงครามครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เรื่อง OSX กลับมายืนที่ส่วนแบ่งตลาดเกิน 10% ได้อีกครั้ง หลังจากไม่เคยทำได้อีกเลยนับแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว

ตัวเลข 10% เป็นด่านแรกที่สำคัญ มันคือการส่งสัญญาณไปบอกทุกคนว่า ทุกๆ สิบคนที่ใช้พีซี มีหนึ่งคนที่ใช้แมค

เช่นเดียวกับ 10% ของ Firefox ที่บอกให้โลกได้รู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่ IE การที่แมคทำแบบเดียวกันได้จะทำให้ตลาดรับรู้มุมมองที่ถูกต้องอีกครั้ง ที่สำคัญคือคู่แข่งอื่นๆ จะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่ตลาดรับรู้ว่ามีการแข่งขันเช่นนี้ เช่นที่ safari/chrome/opera ได้รับประโยชน์จากการที่ Firefox มีส่วนแบ่งมากพอ

ผมเองเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ตลาดกลับมาแข่งขันกันได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง รวมถึงจะมีผลดีต่อระบบปฎิบัติการมือรองอย่างลินุกซ์อีกด้วย ที่จะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันนี้

ไมโครซอฟท์ทำผิดพลาดอย่างหนักในช่วงของวิสต้าที่วางตลาดได้ช้า แถมคุณภาพแย่อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ด้วยสภาพกึ่งผูกขาด ทำให้ไมโครซอฟท์ยังชื่นมื่นกับกำไรมหาศาลได้ต่อไป

ภาวะเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก เช่นเดียวกับ IE ที่ถูกดองไปยาวนานแต่ครองส่วนแบ่งตลาดได้แทบเบ็ดเสร็จ

การแข่งขันอาจจะไม่ทำให้ไมโครซอฟท์ตกที่นั่งลำบากแต่อย่างใด ไมโครซอฟท์น่าจะมีกำไรเป็นกอบเป็นกำต่อไป แต่มันจะไม่มีภาวะสุขสบายอีกต่อไป เมื่อตลาดพร้อมจะย้ายไปหาคู่แข่งทันทีที่ใครพลาด, ช้า, หรือไม่สนใจลูกค้า

ตลาดจะอยู่ในภาวะพร้อมจะเคลื่อนตัวไปตลอดเวลา เครื่องหน้าของใครสักคนอาจจะกลายเป็น แมค, วินโดวส์, หรือลินุกซ์ ได้ในทันทีที่คู่แข่งเริ่มปรับตัวช้า มันจะเป็นตลาดที่ใจร้ายกับคนขายทุกคน

และผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด

หาทางทำ chrome-thai-ppa กับ @nattster เลยมาโน้ตไว้ก่อน อนาคตคงหาทางทำ doc ดีๆ อีกครั้ง

• PPA เปิดให้เรา copy package จากคนอื่นได้ น่าจะเป็นทางที่เร็วที่สุด
• จะทำ daily build ได้ต้องมี code อยู่ใน code.launchpad.net เสียก่อน โดยตัว launchpad จะไปดึงโค้ดจาก svn/git/cvs มาให้เป็นรอบๆ ส่วนนี้ยากหน่อยเพราะต้องขอด้วยการกรอกแบบฟอร์มเอง
• ถ้าโครงการไหนใช้ launchpad + bzr อยู่แล้วก็ง่ายเลย
• daily build ทำได้โดยการสร้างไฟล์ .recipe เข้าไปใน launchpad โดยมันจะไป checkout จาก lp มาให้
• ตอนอัพโหลดขึ้น PPA ต้องทำ .dsc (ก๊อปจาก PPA อื่นเอาก็ได้ ถ้าโปรแกรมตัวเดียวกัน)
• .changes ได้มาตอนสร้าง packages บนเครื่องเราเองเสร็จแล้ว
• .diff.tar.gz เป็นตัวบอกว่าเราไปโมอะไรใน package เพื่อให้มันเข้ากับ ubuntu (debian) ไว้บ้าง
• ในกรณี chrome-thai-ppa สามารถใช้ lp จาก chromium-daily ได้