ตอนแรกนึกว่าจะได้ขึ้น front page ของ digg แต่ไปๆ มาๆ ได้ขึ้น reddit กับ blogger แทน
ทำ blognone มาสองปียังไม่ดังเท่านี้…..
ตอนแรกนึกว่าจะได้ขึ้น front page ของ digg แต่ไปๆ มาๆ ได้ขึ้น reddit กับ blogger แทน
ทำ blognone มาสองปียังไม่ดังเท่านี้…..
ในฐานะนักการเมืองเราไม่เห็นด้วยกับการปฎิวัติทุกรูปแบบ แต่เวลาที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการปกครองที่ผ่านมาสร้างความเสียหายให้กับชาติไปมาก…
You Know Who
สิบปีผ่านไป สมมติว่าชาติเจริญ ไทยขึ้นแท่นเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราเป็นผู้สนับสนุนการทำรัฐประหารตั้งแต่ทีแรก เรามีความเชื่อมั่นว่านั่นเป็นทางพาชาติมาสู่ความเจริญเช่นทุกวันนี้
You Know Who
หรือเกิดชาติวิบัติ เกิดสงครามกลางเมืองในอีกสิบปีข้างหน้า
เราได้พยายามแสดงความไม่เห็นด้วยกับการก่อรัฐประหารตั้งแต่ครั้งแรก เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นผลพวงจากความผิดพลาดในครั้งนั้น
You Know Who
รำคาญเมืองไทย ขอสักทีแล้วกัน
เมื่อใหร่เราจะเรียนรู้กันสักทีว่านักการเมืองไทยไม่มีเทวดา นักการเมืองผ่านการเลือกตั้ง ไม่ได้ผ่านจากพิจารณาจากสวรรค์ ทุกครั้งที่เราเปลี่ยนแปลง ปฏิรูป ฯลฯ เราตั้งความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะมีคนดีเข้ามาบริหารประเทศ คนดีที่ทุกคนในชาติเห็นตรงกันว่าเป็นคนดี!!!!!
ไม่กี่คนหรอก เกิน 60 ล้านไปไม่เท่าใหร่
ผมไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือมันจะไม่ได้ประโยชน์เลยถ้าเรายังเพ้อเจ้อกับความคิดประเภทที่ว่า “รวยแล้วไม่โกง”, “ดังแล้วไม่โกง” หรือ “เคยบริจาคเงินเยอะแล้วไม่โกง” ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ที่เรามองคนนั้นคนนี้ว่าเป็นคนดี สิ่งที่เราพบเจอตลอดเวลา คือความสงสัยว่าทำไมคนที่เราเคยคิดว่าดีนั้นจึงเลวลงเรื่อยๆ
แต่เราก็ไม่เคยเรียนรู้ หรือบางทีเรื่องนี้อาจจะแก้ไขไม่ได้ก็เป็นได้ เราอาจจะต้องรอเทวดามาจุติเป็นนักการเมือง
จุดบกพร่องของการเมืองไทย อาจจะอยู่ที่ประชาชนเองนั่นแหละ….
วันนี้ได้อ่านกระทู้ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง โดยไม่คิดมาก ผมอ่านกระทู้ในแนวที่ไม่เคยได้อ่านเสมอๆ แต่ต้องไปสะดุดกับกระทู้หนึ่งที่พูดถึงเรื่องของโฆษณาการท่องเที่ยวมาเลเซียที่ใช้ดาราไทยว่าไม่เหมาะสม
ถึงวันนี้ผมเริ่มเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าคนไทยขาดน้ำใจ โดยเฉพาะน้ำใจนักกีฬา…..
ขณะที่โฆษณาการท่องเที่ยวบ้านเรา เคยใช้คนต่างชาติไปไม่รู้เท่าใหร่ ไม่มีใครพูดถึงว่าไม่เหมาะสม แต่พอคนไทยที่ทำสัมมาอาชีพเพียงไปโฆษณาให้คนต่างชาติเรากลับพยายามจับผิด และพยายามแสดงความเห็นว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่ผิด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจออะไรอย่างนี้ สังคมไทยแสดงความ “เอาแต่ได้” ให้ผมเห็นหลายต่อหลายครั้ง เช่น ขณะที่เรากระดี๊กระด๊าเมื่อเวลามีต่างชาติมาลงทุน เรากลับโวยวายใหญ่โตเมื่อเขาเอากำไรกลับบ้านเขาอยู่เรื่อยๆ
ผมไม่เคยไปต่างประเทศไกลกว่าพม่าและเขมร ผมไม่รู้ว่าฝรั่งเป็นอย่างนี้กันหรือไม่ แต่ให้ตายสิ ผมรำคาญกับสังคมไทยที่เอาแต่ได้อย่างนี้เสียเหลือเกิน
เมื่อใหร่กันที่เราจะตระหนักว่าการลงทุนของต่างชาติ เขาหวังกำไรแน่ๆ (ใครไม่หวังกัน?) ปัญหามันไม่ใช่อยู่ที่เขาจะเอากำไรจากเราหรือไม่ ปัญหามันอยู่ที่เราควบคุมการลงทุนเหล่านั้นให้มีประโยชน์กับเราเพียงใดต่างหาก
เช่นเดียวกับการโฆษณาการท่องเที่ยว ที่แทนที่เราจะมานั่งโวยวายให้คนๆ หนึ่งรักชาติ ด้วยการไม่รับงานโฆษณาจากประเทศเพื่อนบ้าน (แล้วตัวเองเก็บเงินไปยุโรป?) เรามานั่งคิดกันดีกว่าไหมว่าเขาเอาอะไรมาขายเรา เราแข่งกับเขาได้ไหม ถ้าไม่ได้ทำอย่างไรจึงจะแข่งได้ ถ้าแข่งได้ทำอย่างไรจึงจะรักษาความได้เปรียบเอาไว้
แทนที่มานั่งโวยวายกลัวว่าเขาจะเจริญ….
…เรามาคิดทำอะไรให้เราเจริญแข่งกับเขาได้มันน่าจะดีกว่า