เรื่องหนึ่งที่นักอนุรักษน์ทั้งหลายกล่าวหาคนไอทีว่าไป “แหกตา” พวกเขามาช้านานคือเรื่องของการใช้กระดาษ ขณะที่เทคโนโลยีหลายๆ อย่างจะสามารถนำมาใช้งานแทนกระดาษได้ แต่การใช้กระดาษก็ดูเหมือนไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย การเข้ามาของ eBook อาจจะช่วยได้บ้างที่ให้ใช้เลือกพิมพ์บทความที่พวกเขาจะอ่านแทนที่จะพิมพ์ทั้งเล่ม แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอย่างที่หวัง
เทคโนโลยี eInk ดูเหมือนจะเป็นความหวังต่อไป ด้วยการผลิตจอ LCD แบบพิเศษที่แทบจะไม่กินหรือไม่กินพลังงานเลยขณะแสดงภาพ แต่ใช้พลังงานเมื่อเปลี่ยนภาพเท่านั้น สร้างความหวังว่าอนาคตเราจะใช้กระดาษลดลงกันเสียที
ผมตั้งคำถามกับเรื่องนี้เมื่อเดินไป IT Mall ครั้งล่าสุด แล้วเห็นว่ามีหมึกเติมแบบกันน้ำวางขายกันแล้ว แม้จะราคาค่อนข้างแพงไปสักหน่อยก็ตามที
น่าสนใจมากว่าในเมื่อหมึกแบบเดิมๆ ของเรานั้นไม่กันน้ำ ทำไมเราจึงไม่ใช้จุดนี้มาเป็นข้อดีแทนที่จะเป็นข้อเสีย
ผมนึกถึงพลาสติกแบบ 80 แกรมเท่ากระดาษ ไม่ใช่แผ่นใสแต่เป็นพลาสติกขุ่นๆ หยาบๆ
ถ้าเราใช้พลาสติกแบบนี้มาพิมพ์กับหมึกที่ไม่กันน้ำ โดยเราอาจจะพัฒนาพลาสติกให้หมึกเกาะได้ดีขึ้น กลับกันเราอาจจะพัฒนาหมึกเองให้ละลายน้ำได้ดีขึ้นแทนที่จะทนน้ำ สิ่งที่เราได้อาจจะเป็นกระดาษแบบใช้ซ้ำได้ไม่จำกัด
แค่เอาไปล้างน้ำ…..
ผมนึกถึงเทคโนโลยีประกอบที่เจ๋งกว่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรามีระบบการจัดการเอกสารที่ดีพอ ถ้าทุกหน้ากระดาษที่เราพิมพ์ออกมามี barcode ระบุหมายเลขเอกสารและมาร์คตำแหน่งของกระดาษไว้ให้เรียบร้อย
เราอาจจะใช้ปากกาแบบพิเศษเขียนโน้ตลงไปในกระดาษนั้น แน่นอนว่าหมึกของปากกานั้นต้องละลายน้ำได้เหมือนๆ กัน
เมื่ออ่านและเขียนจนเสร็จแล้วก็แสกนกลับเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ด้วยเครื่องแสกนราคาไม่ถึงพันบาท หรือที่มาเป็น multifunction ราคาสามพันกว่าบาทในตอนนี้
ซอฟต์แวร์จัดเก็บเอกสารจะเก็บเอกสารเข้าไปหาว่าหมายเลขของเอกสารที่แสกนคือไฟล์ใด แล้วรวมเซฟเอาเฉพาะส่วนที่เป็นคอมเมนต์เก็บไว้เพื่อให้เลือกพิมพ์ได้ในอนาคต
ทั้งหมึกและกระดาษไม่น่าจะใช้เทคโนโลยีอะไรพิศดารขนาดนั้น ราคาน่าจะทำได้ในเร็วๆ นี้