เหยีบตีน

หัวข้อกวนๆ แต่บล็อคนี้เทคนิคมาก ถ้าใครหวังอ่านบล็อคความรักโปรดข้ามไปก่อน…

ยังไม่ข้าม? งั้นลุยเลย

ลองคิดดูเล่นๆ ถ้าวันนี้เราไปจีบสาวสักคน กำลังเดินควงๆ อยู่แล้วไปรู้เอาทีหลังว่าเธอเป็นกิ๊กกับผู้บริหารกู… สักคน (เอาว่าชื่อนาย ซ. แล้วกัน) ในตอนนี้

งานเข้าทันทีครับพี่น้อง…

มีใครสักคนถ่ายรูปเราตอนกำลังควงสาวคนนั้นอยู่ เว็บแอพลิเคชั่นจะจับใบหน้าของเราละสาวคนนั้นไว้ พร้อมแยกแยะหน้าของเราและเธอคนนั้นออกมาในทันที

เราไม่มีวันรู้ว่าใครสักคนจะเขียนโปรแกรมดักไว้รึเปล่า อาจจะมีใครสักคนเขียนโปรแกรมแบบเดียวกับ Google Alert เอาไว้ให้เตือนทุกครั้งที่มีภาพของใครสักคนที่เราต้องการเข้ามาในระบบ

ภาพนั้นถูกอัพโหลดขึ้นระบบเบื้องหลังถูกเตือนขึ้นมาเพราะภาพสาวไปโผล่ในระบบ นายซ. สั่งค้นหาภาพทั้งหมดของเราทันที

แน่นอนว่าภาพของเราจะถูกดึงขึ้นมา ส่วนมากแล้วอยู่ในบัญชีเพื่อนๆ เราจำนวนมาก ทันทีที่การค้นหาภาพของเราเริ่มต้นขึ้น ความสัมพันธ์ของเรากับคนจำนวนมากถูกฟอร์มออกมาเป็นข้อมูลสรุปในทันที

เพื่อนคนหนึ่งในนั้น ใส่ข้อมูลอีเมลของเราประกอบภาพเอาไว้เพื่อความง่าย ข้อมูลที่หลุดเป็นอย่างที่สองคืออีเมลของเรา

ข่าวร้ายคือ อีเมลของเราก็ใช้ของบริษัทที่นาย ซ. ทำงานอยู่นี่ล่ะ!!!

อีเมลหลุดไป ข้อมูลจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นสถานะทางการเงินที่ K-Bank เพิ่งอัพเดตให้เมื่อวันเสาร์ หรือจะเป็นนัดไปเที่ยวอาทิตย์หน้า ตลอดจนตารางเวลาชีวิตของเราก็หลุดไป

ยังมีอีกหน่อย Chat Log ที่เราไปคุยกับกิ๊กของนายซ. ไว้ เพียงการค้นหาชั่วเสี้ยววินาที นาย ซ. รู้ได้ทันทีว่าเราเริ่มคุยกับกิ๊กของเขาอย่างไรกัน

เมื่อตรวจ log ที่เข้าใช้เว็บเมลแล้ว นาย ซ. จะสามารถบอกได้ว่าเราเข้าใช้อินเทอร์เน็ตจากไอพีหมายเลขใดเวลาใดบ้าง

ข่าวดีคือ เว็บจำนวนมากในโลก มีโค้ดของบริษัท กู… นี่ฝังอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของโฆษณาหรือระบบวิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าชมเว็บต่างๆ ทั่วโลก

พฤติกรรมเราจะถูกวิเคราะห์จากเว็บที่เราเข้าชม เวลาที่ใช้ในแต่ละเว็บ ความสนใจอของเราจะถูกวิเคราะห์จากคำค้นหาทุกคำเท่าที่เราเคยค้น เรื่องทุกเรื่องที่เราสนใจไม่ว่าจะ share หรือ star ไว้จะบอกได้ว่าเราสนใจอะไรบ้าง

โอ้ว ไม่…

พอดีกว่า

 

50-50

ล – คิดว่าชูวิทย์ชกนักข่าวนี่ทำให้ภาพเค้าลบหรือบวกกันแน่อ่ะ?

พ – ผมว่าครึ่งๆ นะ

ล – นั่นดิ

นักข่าวเค้าจะรู้ตัวมั๊ยนะ ว่าตอนนี้นักข่าวเองนั่นแหละ เป็นสิ่งที่สังคมขาดความวางใจ และดูเหมือนจะน่ารังเกียจเสียเองในหลายๆ กรณี

 

Bangkok 2008

จาก [Google Trends](http://www.google.com/trends?q=%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C%2C+%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C%2C%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%2C+%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%8C&ctab=0&geo=TH&geor=tha.10&date=2008&sort=0)

ถ้าเกิดออกมาตรงๆ เท่านี้ (ชูวิทย์ได้สองเท่าของ อภิลักษ์ กับ ดร. แดน) ผมว่า Google Trends ดังแน่

ผลงานเก่านั้นแม่นใช้ได้เลย

__UPDATE:__

หลายๆ คนบอกว่าสาเหตุที่ชูวิทย์นำโด่งใน Google นั้นเป็นเพราะคลิปนี้ครับ

 

ตระหนัก

> หากว่าจะก่นด่าว่าคนโง่ จน เจ็บ ไร้การศึกษา อันเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่มีวิจารณญาณในการเลือก ส.ส.
> ดีๆ มีศีลธรรมเข้าสภา คนชั้นกลาง ชั้นสูง ที่ร่ำรวย มีการศึกษาสูง ก็จำต้องยอมรับว่าตนคือชนกลุ่มน้อย และพึงตั้งคำถาม
> กับตัวเองให้มากว่า ต้นตอของความเหลื่อมล้ำทางฐานะ และระดับการศึกษาที่ดำรงอยู่กับเรานั้นเกิดขึ้นจากอะไรกันแน่ และ
> จะ__ทำอย่างไรจึงจะกระจายความมั่งคั่งนี้ออกสู่คนเหล่านั้นบ้าง__ [^1]

[^1]: ตัวหนาโดยเจ้าของบล็อก

ประชาธิปไตย์ชั้นประถม โดยคุณคำ ผกา
มติชน สุดสัปดาห์ 5-11 กันยายน 2551

ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไปทีนึงแล้วในเรื่อง [We’re just pity](http://lewcpe.com/blog/archives/688/were-just-pity/) คงไม่ต้องเล่าซ้ำกันยาวมาก แต่เราคงต้องหาทางลบแนวทางการพัฒนาชาติด้วยการบริจาคแบบฉาบฉวย แล้วไม่แก้ไขความเหลื่อมล้ำของสังคมกันไปอีกนาน