Evilnesses’ of Microsoft

บทความนี้เขียนก่อนนอน โดยมีประเด็นอันยาวนานคือไมโครซอฟท์และ IE6

ผมเองเชืื่อว่าชุมชนไอทีและนักออกแบบเว็บกำลังโยนบาปทุกอย่างไปให้ไมโครซอฟท์โดยไม่สนใจว่าปัญหา IE6 นั้นมันเกิดขึ้นเพราะอะไรกัน แนวทางเช่นนี้เกิดขึ้นในรูปแบบเดียวกับการเมืองไทยที่หลายคนเชื่อว่าทักษิณหายไปจากประเทศไทยแล้วบ้านเมืองจะสงบสุขราวกับความเชื่อมั่นใน GT200

แล้วเราก็ต้องหาคำอธิบายสารพัด เมื่อผลลัพธ์ที่เราหวังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่เราหวัง

ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าไม่ว่าไมโครซอฟท์ หรือ NetScape จะเป็นผู้ชนะในสงครามเบราเซอร์รอบแรก มันจะนำไปสู่หายนะแห่งมาตรฐานอยู่ดี ด้วยลักษณะเฉพาะของสงครามรอบนั้น

ผมลองรื้อหา PC Magazine ในยุคนั้นมาอ่านแต่หาไม่ได้แล้ว สรุปให้ฟังง่ายๆ ว่าในยุคนั้น ความแพ้ชนะของเบราเซอร์วัดกันที่ “ฟีเจอร์” เช่น ตัวกระพริบ, ความสามารถในการไล่สีในตัว (Gradient), การทำอักษรวิ่ง ฯลฯ

ทุกเวอร์ชั่นที่ปะทะกัน นิตยสารต่างๆ จะพากันรีวิวฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้อย่างหนักหน่วง และเช่นเดียวกัน นักออกแบบจะแห่แหนกันใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้อย่างสนุกสนาน ไม่มีใครรู้จัก W3C ไม่มีใครรู้จัก ACID (เพราะมันยังไม่เกิด) ทุกคนรู้จักแต่ “Best viewed with”

สงครามที่มีผู้เล่นเพียงสองเจ้า และมีเป้าหมายคือความแตกต่างไม่รู้จบ…. สงครามที่เริ่มจากการผูกขาดของ NetScape และการต้องการชิงตลาดของไมโครซอฟท์ สงครามที่ต่างฝ่ายต่างตระหนักว่าอีกฝ่ายกำลังทำอันตรายกับความอยู่รอดของอีกฝ่าย

ไม่มีคำว่าประณีประนอม ไม่มีคำว่าตรงกลาง ต้องมีสักคนตายไป และสักคนที่ได้ทุกอย่าง

และไมโครซอฟท์ได้ทุกอย่างไป….

การค้าเสรีไม่ใช่หลักการที่เพิ่งเกิดมา สมบัติชาติไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนอยากปล่อยให้มันจากไป แต่ความจริงคือ “Power tends to corrupt, and absolute power corrupts absolutely. Great men are almost always bad men.” (John Emerich Edward Dalberg Acton) ให้คุณได้เงินกินเปล่าปีละสองสามหมื่นล้านโดยไม่ต้องหาเงินใช้เอง สักวันคุณจะเป็นคนเลวอย่างไม่ต้องสงสัย

และสงครามเบราเซอร์ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง

การแข่งขันที่ไม่เอื้อให้เกิดคู่แข่งรายใหม่เช่นสงครามเบราเซอร์รอบแรก ตรงข้ามสงครามรอบนั้นสร้างแรงกดดันให้เบราเซอร์หน้าใหม่อย่างไม่หยุดยั้งเมื่อเบราวเซอร์ที่ส่วนแบ่งตลาดสูงๆ สองเจ้าต่างมีมาตรฐานของตัวเองที่ล้วนได้รับความนิยมพอสมควรจากเหล่านักออกแบบในยุค “Best viewed with”

IE6 คือสิ่งที่เราควรเรียนรู้ เช่นเดียวกับ 3G เช่นเดียวกับ Office เช่นเดียวกับรถไฟ เช่นเดียวกับการเมือง เช่นเดียวกับ CPU

การครองตลาดอย่างเบ็ดเสร็จจะสร้างสภาพตลาดที่ชั่วร้าย ยุคที่มืดมน และการเยียวยาที่ต้องอาศัยเวลายาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ

ผมเองไม่เชื่อว่า NetScape นั้นหากชนะสงครามครั้งนั้นได้อย่างเบ็ดเสร็จ จะมุ่งมั่นพัฒนาเบราเซอร์ต่อไปอีกนานนัก เพราะแรงจูงใจนั้นไปอยู่ที่ระบบที่ได้เงินอย่าง LDAP หรือ Web Server เสียหมดแล้ว ตรงกันข้ามเราอาจจะได้เห็นสิ่งแปลกประหลาดเพิ่มเข้ามาเพื่อให้เบราเซอร์ทำงานร่วมกับเว็บเซิร์ฟเวอร์ของ NetScape เองได้ดียิ่งๆ ขึ้น

การที่ไมโครซอฟท์ซัพพอร์ต IE6 อย่างยาวนาน ต้องถือว่าเป็นความดี ที่จริงเรียกได้ว่า “ประเสริฐ” ทีเดียวสำหรับวงการนี้ ซอฟต์แวร์แถมฟรีตัวหนึ่งมีการบำรุงรักษาที่ยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ ตรงกันข้าม การหยุดพัฒนา IE ไม่เชิงว่าเป็นความ “ชั่วร้าย” เสียทีเดียว กับบริษัทที่มีหน้าที่ต้องทำงานเพื่อสนองต่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น สงครามที่จบไปแล้วและไม่มีอันตรายใดๆ ต่อบริษัท แถมไม่ทำเงินไม่ควรได้รับการลงทุนเพิ่มเติมมากนัก

แต่สภาพตลาดที่ไมโครซอฟท์ครองเบ็ดเสร็จนั้นต่างหากเล่าเป็นความชั่วร้ายที่เราไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นอีก

สภาพแบบเดียวกันกำลังเกิดขึ้นกับเว็บบนมือถือ เราเริ่มอยู่กับ WebKit เราเร ิ่มรู้สึกว่า WebKit ก็สะดวกดี ทดสอบทีเดียวใช้ได้ทั้งมือถือใช้ได้ทั้งเดสก์ทอป เราเริ่มไม่อยากทดสอบกับ Fennec ไม่ต้องพูดถึงมาตรฐานเว็บที่เราเริ่มๆ ลืมๆ validate กันไปแล้ว

แน่นอนสภาวะมันต่างกันไป WebKit ไม่ใช่โครงการที่ครอบครองเบ็ดเสร็จจากบริษัทเดียว มีคนสนใจพัฒนามันอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก และสภาวะตลาดตอนนี้มีการแข่งขันที่แข็งแรงอย่างน่าแปลกใจ

ภาวนาว่าเราจะไม่ต้องอยู่ในสภาวะแบบเดิมอีก เราควรเรียนรู้ เราควรตระหนัก เราควรให้ความสำคัญกับความง่ายในการเปลี่ยนสินค้าทดแทน เราควรสนับสนุนให้ตลาดมีการแข่งขันที่มากขึ้น

แต่เราจะเรียนรู้ได้จริงๆ หรือ?

 

Blognone gone down

เรื่องมันเริ่มจากเมื่อวันอาทิตย์ ตื่นขึ้นมาจะไปโบสถ์  แต่ก่อนนอนดันวาง Dell Mini 9 ไว้ข้างหมอนเลยหยิบมาเปิดดู

งานเข้า… เมื่อเห็นทวีตของ @markpeak “@lewcpe BN ร่วงไปแล้ว” แถมเป็น 1 hour ago

ผมเปิด error log หาสาเหตุทันที พบว่าปัญหาเกิดจาก php หาฟังก์ชั่น user_access ไม่เจอ “เอาแล้ว” ความคิดแว๊บแรกคือโดนแฮกเกอร์ลบ core module แน่ๆ เลยรีบดูไฟล์ทั้งหมด รวมถึงเช็คไฟล์ user.module ทันที

ทั้งหมดอยู่ดี..

รอดไปหนึ่ง แสดงว่าไม่ใช่เรื่องที่น่่ากลัวที่สุด ตรวจสอบแล้วพบว่า m.blognone.com เข้าได้ แสดงว่า db ยังอยู่รอดไปสอง ไม่มีอะไรน่ากลัวปัญหาคือจะแก้ยังไง

ถึงตอนนี้ไปโบสถ์สายโด่งแล้ว… – -” โดนน้องโกรธ (รออยู่ก็ไม่บอก) เลยอาบน้ำไปโบสถ์แล้ว

เคสที่ทุกคนรายงานนั้นเหมือนกันทั้งหมดคือ ตาราง system ของ Blognone เกิดบันทึกตำแหน่งของโมดูล user ผิด ทำให้มันหาโมดูล user ไม่เจอ กรณีเช็คแล้วเช็คอีกสองสามรอบไม่มีอะไรผิดพลาด พยายามปิดโมดูลที่ทำให้เกิด error เช่น Ad พบว่าไม่มีผลอันใด ปัญหาอยู่ที่ user.module จริงๆ

ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยมาก มีการ report ในฟอรั่มของ Drupal เองมากมาย แต่ส่วนมากมักเป็นปัญหาการย้าย db ไปอยู่บนพื้นที่อื่นๆ ทำให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะเมื่อเผลอไปวาง user.module ซ้ำซ้อนกันหลายๆ ที่ แต่กรณีนี้ @markppeak ระบุชัดว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงตัดไป

ไล่ไปจนถึงกรณีสุดท้ายคือ ZendOptimizer (ซึ่งเวลา config ดันใช้ชื่อว่า eAccelerator) นั้นกระทำการชั่วร้ายบางอย่าง วิธีการที่ง่ายที่สุดคือปิดมันทิ้งไปซะ

นาทีนี้ได้แต่ภาวนาว่าโฮสต์เขาจะเปิดให้ htaccess เข้าไปปิดได้ แล้วก็ได้เวลานาทีชีวิต

php_flag eaccelerator.enable 0
php_flag eaccelerator.optimizer 0

แล้วมันก็รอด…

จบงานตอน 15.50 ขับรถไปเจอ @markpeak ที่ Fountain Cafe และกินข้าวอย่างมีความสุข

ตอนแรกว่าจะทำ live blog ในงาน เจออย่างนี้หมดอารมณ์ครับ

 

ว่าด้วยนิยายรัก

ช่วงนี้อ่านกำลังอ่าน The Time Traveler’s Wife นับเป็นนิยายรักเล่มแรกที่จะอ่านภาษาอังกฤษ ถ้าใครเคยดูหนังเรื่องนี้จะพบว่ามันค่อนข้างประหลาดคือพระเอกนั้นเป็นผู้เดินทางข้ามกาลเวลา อยู่ๆ ก็กระโดดไปกระโดดมาแบบควบคุมไม่ได้ เลยกลายเป็นว่าสักพักก็ไปเจอนางเอกตอนเด็ก สักพักก็โดดไปเจอลูกตอนโต

อ่านๆ ไปพบว่าการนำเสนอค่อนข้างน่าสนใจพอสมควร เพราะในนิยายนั้นรายละเอียดเยอะกว่า แต่ในความแปลกใหม่นั้นผมพบความจริงว่านิยายรักทั้งโลกมีรูปแบบที่เหมือนๆ กัน

  1. คนหนึ่งสุดธรรมดา ต้องเป็นคนที่สัมผัสได้ที่สุดเท่าที่เราจะคิดได้ ไม่ว่าจะเป็น เหมยลี่ (สาวออฟฟิศไม่มีแฟน), Claire (สาวช่างฝัน), หรือกระทั่งนิยาย
  2. อีกคนสุดพิเศษ ทะลุมิติ ทะลุเวลา รวยล้นฟ้า หล่อเทพ เป็นเจ้าชาย เจ้าหญิง ไม่ก็เก่งกังฟูปานจะสำเร็จเป็นศิษย์เอกตั๊กม๊อ
  3. แล้วสองคนข้างบนก็มาเจอกัน
  4. ช่วงนี้เปิดกว้ัาง สองคนอาจจะ “รักกันทันที”, “เกลียดกันแบบเทวดากับซาตาน”, “เฉยๆ เดินเฉี่ยวกัน หากันไม่เจอ”
  5. สุดท้ายแล้วสักทางล่ะ สองคนจะได้คุยกันซักที และเริ่มรักกัน
  6. จุดตายคือข้อ 5 นี่ “ห้ามนาน” รักกันได้ไม่เกินสองหน้า
  7. งานเข้า
  8. งานเข้า งานเข้า และงานเข้า ไปอีกสองสามร้อยหน้า
  9. ปริศนาทุกอย่างไขกระจ่างแล้ว!!
  10. รักกัน ครึ่งหน้า
  11. จบ

ไม่น่าเรียกว่านิยายรักเลยนี่หว่า เรียนว่านิยายเกลียดกันไม่ก็นิยายงานเข้าก็ได้

 

สองเรา

ไม่ได้พูดถึงคน… แต่เป็นชื่อเมนูปังเย็นที่งานเทศกาลอาหารทีนครปฐม ร้านนี้แนวมาก ทุกเมนูมีความหมายและจัดตกแต่งตามชื่อหมด

ว่าแต่เป็ดสองตัวมันไม่ได้หันหน้าเข้าหากันนะ..