เห็นต่าง

วันนี้เดินไปซื้อรองเท้ากีฬา เดินไปอย่างสบายใจและกำลังลองรองเท้าอยู่ หันไปอีกทีก็เห็นทั้งบ้านกำลังดู ASTV

ผมเกลียด ASTV เพราะคิดว่ามันเป็นทีวีปลุกระดมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเหตุผลทางการเมือง และผลประโยชน์ของสนธิเท่านั้น

แต่ผมยังซื้อรองเท้าต่อไป แม่ค้าถามว่าจะเอาถุงเท้าเพิ่มไหม ผมไปดูแบบแล้วไม่ถูกใจเลยปฏิเสธไปยิ้มๆ แล้วเดินออกมาพร้อมรองเท้า

เรื่องหนึ่งที่ผมไม่ชอบ เวลาอ่านเว็บบอร์ดราชดำเนินคือการจับขั้วกันอย่างสุดโต่ง ผมเห็นกระทู้จำนวนมาก อารมณ์ประมาณว่า “ร้านนี้เปิด ASTV จะไม่เข้าแล้ว ขอให้มันเจ๊ง” และความเห็นสนับสนุน พร้อมกับด่าแช่ง “ฝั่งตรงข้าม”

ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ ผมเชื่อว่าเราควรตระหนักให้มั่นว่า “ฝั่งตรงข้าม” นั้นเป็นคนไทย และไม่ว่าจะชอบหรือไม่ นี่คือคนที่เราต้องอยู่ร่วมประเทศไปอีกตลอดชีวิต

ไม่ว่าอย่างไรเสียเราก็ยังเป็นคนไทยเหมือนๆ กัน ไม่ควรมีการเสนอให้ “ไปอยู่ประเทศอื่น” เกิดขึ้นอีกในบ้านเมืองนี้

เรามีปัญหากัน เราพยายามแก้ปัญหา เราเรียนรู้จากปัญหา แล้วเราจะกลับมาอยู่ร่วมกันเหมือนเดิม

ไม่ใช่ว่า เรามีปัญหา เราฆ่ากัน ใครชนะครองประเทศ

 

lewcpe

CTO at MFEC PLC. Chief Editor at Blognone.com

 

7 thoughts on “เห็นต่าง

  1. ผมเคยไปตัดผมกับร้านตัดผมประจำที่ตัดผมให้ผมมาเป็น 10 ปีแล้ว

    เมื่อปีก่อนเค้าติด ASTV แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

    เวลาผมเข้าไปตัดเค้าจะหันเก้าอี้ผมไปทาง TV แล้วพยายามให้ผมดู ASTV กับเค้า
    เค้าสบถด่า ทรท ทักษิณ และ พรรคพวกตลอดเวลาที่ตัดผมให้ผม

    แล้วพยายามทำุทุกวิถีทางให้ผมเชื่อเ้ค้า ให้ผมเห็นด้วย แล้วก็ให้ผมด่าทักษิณไปกับเค้าด้วย

    พยายาามให้ผมดู ASTV ทั้งๆที่ผมเกลียด ASTV ยิ่งกว่าอะไรดี

    ผมบอกเค้าตรงๆว่า “ผมเลือกไทยรักไทยนะครับ”

    แต่เค้าก็ดูไม่ได้ฟังผมเลย ยังคงพยายามโน้มน้าวผมต่อไป ขณะที่ตัดผมผมไปเรื่อยๆ

    มีบางจังหวะที่สนธิลิ้มตะโกนอะไรออกมา เค้าก็จะหยุดตัดผมแล้วก็จะไปตะโกนตาม

    ทำให้ระยะเวลาในการตัดผมเพิ่มขึ้นด้วย แถมยังหนวกหูผมอีก

    เมื่อก่อนช่างคนนี้ไม่ได้เป็นคนแบบนี้เลย
    สุภาพเรียบร้อย เป็นกันเอง
    ตอนนี้เป็นไอ่บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ อย่างกะอันธพาลข้างถนน (จริงๆอันธพาลข้างถนนยังไม่เป็นแบบนี้เลยมั้ง)

    ตอนนี่ผมตัดสินใจว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่กลับไปตัดผมร้านนั้นอีกแม้ว่าจะเป็นร้านตัดผมที่ตัดผมให้ผมมาเป็น 10 ปีแล้วก็ตาม

    พอกันที

    (ไำม่รุ้ว่าเป็น case เดียวกับคนในราชดำเนินรึเปล่านะครับเนี่ย)

  2. ญาติสนิทผม ดู ASTV กันทั้งบ้าน เวลารวมญาติ เจอกันทีไรจะชวนคุยแต่เรื่องการเมือง ประณามด่าทักษิณ พร้อมเคี่ยวเข็ญให้เห็นคล้อยตามให้ได้

    ผมเองเลี่ยงมาได้หลายครั้ง โดยเฉพาะถ้าเขาพูดทีละหลายคน จะนิ่งฟังไม่โต้แย้ง ไม่แสดงความเห็น

    แต่ก็มีบ้างที่ได้คุยตัวต่อตัว เลี่ยงไม่ได้ ก็จะคุยชักประเด็นออกจากเรื่องตัวบุคคลเสีย เปลี่ยนประเด็นการโทษคนต้นเหตุของเขา มาถามว่าควรจะแก้ปัญหายังไง แล้วก็เสนอไอเดียตามแนวที่ผมคิด ก็ปรากฏว่าเขาก็เปลี่ยนมาช่วยคิด ไม่วกกลับไปเรื่องบุคคลอีก

    แต่ก็ไม่ได้สำเร็จทุกครั้งหรอกนะ มันขึ้นอยู่กับรูปการณ์แต่ละครั้ง ว่าประเด็นของเขามันชักออกมาได้หรือเปล่า ถ้าชักออกมาไม่สำเร็จ ผมก็นิ่งฟังเสีย หาจังหวะปลีกตัวออกมา

    แต่ญาติก็คือญาติแหละนะ สายสัมพันธ์คงตัดไม่ขาดง่าย ๆ จากเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองหรอก ผมเชื่ออย่างนั้น

  3. ผมก็งง ๆ กับคนดู ASTV เหมือนกัน ดูมันอยู่ช่องเดียว อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ฉบับเดียว
    แล้วความคิดจะตกผลึกได้อย่างไร

    เวลาผมแนะนำรุ่นน้องก็บอกให้อ่านมติชน ถึงแม้จะฉบับเดียวแต่ในฉบับเดียวนั้นมีสามด้าน
    เกือบจะทุกเรื่อง บางครั้งยังรู้สึกว่าไอ้ฉบับนี้มันเชียร์สมัครเห็นชัด ๆ วันต่อมาพ่อด่าสมัครเละเลย อ่านได้สามวันแล้วค่อยมาคุยกัน

    อ่านประชาไทก็ดูเหมือนความคิดมันจะไถลลื่นไปทางเดียวเหมือนกัน

    สุดท้ายก็อ่าน นสพ.คอม กวาดตาดูทั้งหมดแ้ล้วค่อยตามเป็นเรื่อง ๆ ไป แวะเวียนไป
    ประชาไทยบ้างบางครั้ง

    บางทีเชียร์ใครก็ควรจะเชียร์เฉพาะเรื่องที่ทำดี ผิดก็ว่ากันตามผิด ไม่ยึดติดกับตัวบุคคล
    นั่นแหละดีที่สุด

  4. บอกได้คำเดียว ไม่ชอบ ASTV และ เบื่อการเมือง แต่ต้องจับตาดูตลอด

  5. เพราะคนไทยถูกชักจูงง่าย?

    ไม่ใช่ ASTV
    หมายถึงในด้านการเมือง

    ในความรู้สึกผม
    ถ้าไม่มีคนเริ่ม ก็ไม่มีคนตาม
    แต่งานนี้สนธิตามของอีกคนเท่านั้น

Comments are closed.