ว่าด้วย AppUp

อันนี้เป็น note เพราะ blognone ได้ project ร่วมโปรโมท AppUp กับทางอินเทล (คงเห็นข่าวใน blognone ยิงเรื่อยๆ กันสักพักแล้ว)

AppUp เป็นความพยายามของอินเทลที่อยากได้ Application มาอวดโลกว่า นี่มันทำมาสำหรับ Atom โดยเฉพาะ เพราะว่าตอนนี้เอง Atom รับสภาพ PC ที่อืดๆ อยู่ทำให้แม้จะขายดิบขายดี (และยังขายดีขึ้นเรื่อยๆ ) แต่ก็ไม่สามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ได้ แถมพอดีว่าปีนี้ tablet มันดันเข้ามา และสองตลาดนี้อาจจะกลืนเป็นตลาดเดียวกันในอนาคต

ปัญหาอย่างหนึ่งคือ ไอเดียของ AppUp คือ App อะไรก็ได้ที่คุณบอกว่ามันทำมาสำหรับ Atom ตาม Guideline ของอินเทล ที่เหลืออินเทลพยายามรักทุกคน .NET, Java, C++, Python รวมถึง OS ที่รับทั้ง Moblin (ตายไปแล้ว), MeeGo (ยังไม่เกิด), และ Window ที่มีฐานผู้ใช้มากที่สุดในตอนนี้

ความพยายามที่จะรักทุกคน เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียไปในเวลาเดียวกันคือ SDK ของ Intel มันจะงงๆ หน่อย ว่ามันทำอะไร อย่าง Android เราก็เปิด SDK แล้วเขียนๆ ตาม tutorial ไปเรื่อยๆ ก็ได้ App ของ Android เป็นอันเสร็จพิธี

แต่ SDK ของ AppUp นั้นจะมีเพียงตัว package และ C/C++ lib บางส่วนที่ช่วยแจ้งปัญหาเวลาซอฟต์แวร์มัน crash และตรวจสอบสิทธิ์การใช้งานผ่าน Service ตัวหนึ่งที่ลงมากับ AppUp เรียกว่า ADP Service

เนื่องจากเป็น C/C++ มันจึงไปที่ไหนก็ได้ในโลก ทำไปทำมาอินเทลพบว่านักพัฒนาบนวินโดวส์ชอบ .NET ก็ออก tutorial มากมายถึงวิธีการพัฒนาบน .NET เริ่มจากขั้นแรกคือทำ .NET Binding! ของ ADP Service

ที่เหลือนั้นคือการแพ๊ค โดยอินเทลบอกว่าแพ็คยังไงก็ได้ให้ติดตั้งแบบไม่ต้องให้ผู้ใช้เข้ามายุ่ง กด install จาก AppUp แล้วมันต้องลงไปอยู่ในเครื่องเลย กับอีกข้อคือ Executable ต้องมีตัวเดียว ห้ามลงโปรแกรมทีมี 10 ไอคอนแบบซอฟต์แวร์บนวินโดวส์เดิมๆ เด็ดขาด

ข่าวการเข้ามาของ AIR เป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะขณะที่ C/C++ ของ ADP จะอยู่ในทั้ง Windows/Linux แต่อินเทลกลับไม่มี platform ให้ยึดว่าทำตามนี้แล้วจะขายได้ทุกที่ที่ AppUp ไป ดังนั้นเราไม่รู้เลยว่าวันนี้ที่ AppUp มีข่าวมากมายเช่นว่า Tablet Asus จะรับ หรือ MeeGo มันเจ๋ง ฯลฯ ถึงเวลาจริงๆ แล้วจะพัฒนา App ยังไง ต้องแก้จากของเดิมแค่ไหน ขณะที่ Android บอกว่า Android App รันบน Google TV ได้ แค่จอมันใหญ่ อาจจะต้องปรับหน้าจอหน่อย….

AIR เป็นทางออกให้อินเทล เพราะมัน Cross Platform แถม AIR ก็ชัดเจนว่าจะไปกับ MeeGo ด้วย ดังนั้นมันเป็นทางออกแบบ WORM (Write Once Run Many) ของอินเทล อีกทางหนึ่งคือ Qt ของ Nokia ผู้ร่วม MeeGo เพราะ Qt มันรองรับ Desktop ด้วย จึงเป็นรูปแบบการพัฒนาแบบ WOCA (Write Once Compile Anywhere) ที่เทพคือตัวจัด UI ของ Qt Creator มันเทพมาก ในบทความชุด AppUp คงมีบทความตัวนี้อยู่ด้วย

ว่ากันตามจริง AIR น่าจะได้รับความสนใจกว่ามาก เพราะมันเองสามารถไปรันบนมือถือได้ด้วย

ข่าวดีคือตอนนี้ AppUp มีโปรโมชั่นสมัครฟรี ใครยังไม่ได้สมัครก็รีบไปสมัครๆ ไว้ก่อนได้

ข่าวร้ายคือ AIR นั้นเข้ากับ AppUp ได้ง่ายเพราะ AIR มันมี Licensing API ในตัว และมันต้องการ Signing (หลอนจาก Symbian ในทันใด) แถมรองรับ Cert จาก 4 รายเท่านั้นคือ Thatwe, Verisign, GlobalSign, และ ChosenSecurity ตรงนี้เตรียมใจไว้เลยว่ามันจะแพง ถูกที่สุดคือ ChosenSecurity อยู่ที่ 199 ดอลลาร์ต่อปี ส่วนนี้เป็นข้อจำกัดที่มากับ AIR Licensing API ที่เหลือคือส่งไฟล์ .AIR ไปให้อินเทลก็ได้เอา App ขึ้นเว็บแล้ว

ดังนั้นลาก่อน Adobe AIR…

จุดที่เจ๋งของ AppUp คือมันขาย Component ให้ App อื่นเอาไปใช้ได้ด้วย แถมคิดค่าใช้งานแบบส่วนแบ่งรายได้ ที่เห็นๆ เช่นว่าอยากเขียน App ด้วย Python แทน C/C++ ก็ต้องจ่าย 10% ของราคา App เป็นค่า Wrapper เป็นต้น

เป็นแนวทางที่น่าสนใจมาก ยิ่งถ้าอนาคต Android ทำแนวทางนี้ได้ เช่นว่าทำ Component Share to Facebook เป็น Activity ใน Android แล้วเปิดให้เกมต่างๆ ที่เสียเงินใช้ ถ้ามีการเรียกต้องจ่าย 0.1% ของค่าเกมน่าจะทำให้เกิด App ที่ไม่มีหน้าจอเป็นของตัวเองอีกเยอะพอควร

ปล. note นี้ยังมั่วๆ มาก เดี๋ยวเรียงลำดีบเป็นบทความลง blognone อีกที

 

lewcpe

CTO at MFEC PLC. Chief Editor at Blognone.com

 

One thought on “ว่าด้วย AppUp

  1. อันที่ผมยังงงสุดๆ คือ อินเทลจะทำยังไงให้รู้สึกได้ว่า “นี่มันสำหรับ Atom โดยเฉพาะนะ!”

Comments are closed.