งานแต่งงาน

ปีนี้เป็นปีที่ไปงานแต่งงานเยอะเป็นพิเศษ

อาจจะเพราะมันถี่เกินไปหรืออย่างไรไม่ทราบ

แต่ผมเริ่มรู้สึกว่างานแต่งงานมัน….. ไม่มีอะไร

ภายใต้บรรยากาศแห่งความรักนั้น แทบทุกงานมาจากความเหนื่อยยากของคู่บ่าวสาว

ข้าวที่ไม่ค่อยได้กิน

เมื่อคืนที่นอนไม่ค่อยหลับ

งานทั้งงานที่เดินไหว้ไปมาจนไม่ได้นั่ง

โต๊ะอาหารที่หรูหราแต่บ่าวสาวต้องหามุมๆ ของงานไปกินอะไรเล็กๆ น้อยๆ รองท้อง

ภายใต้บรรยากาศที่ควรจะเป็นการแสดงความยินดี แต่ดูเหมือนมันกลายเป็นบรรยากาศแห่งความคาดหวัง

ผู้ร่วมงานที่คาดหวังจะได้ร่วมงานที่ดี ญาติผู้ใหญ่หวังว่างานนี้จะยิ่งใหญ่กว่างานที่ผ่านๆ มาเป็นเป็นหน้าเป็นตาให้ครอบครัว

งานทุกงานหรูหราขึ้นเรื่อยๆ

ฟีเจอร์ต่างๆ ที่ทับถมกันเข้ามา

ผมไม่รู้ว่าเมืองไทยแต่งงานแล้วต้องมีเค้กตั้งแต่เมื่อใหร่ แต่ที่แน่ๆ คืออัลบั้มรูปโตๆ แบบ pre wedding นั้นเพิ่่งมีมาไม่กี่ปีนี้ และวงดนตรีกลายเป็นของที่ขาดไม่ได้?

งานรื่นเริง ไม่ใช่เรื่องที่แย่

ความซ้ำซากไม่ใช่เรื่องเลวร้าย (คิดอะไรไม่ออกก็ซ้ำๆ ไปเถิด)

แต่เราจับจ้องอยู่ที่อะไรกัน งานที่ดี หรือชีวิตคู่ที่กำลังเริ่มต้น…

 

lewcpe

CTO at MFEC PLC. Chief Editor at Blognone.com

 

6 thoughts on “งานแต่งงาน

  1. ผมไปงานแต่งของรุ่นน้องเมื่อหลายเดือน และเข้าใจว่าเพื่อนๆน้องๆที่วิศวฯคอมฯจุฬาฯที่ได้ไปคงประทับใจงานนั้นไม่ต่างกัน

    บรรยากาศหรู (โรงแรมห้าดาวกลางกรุง) อาหารดี ดนตรีไม่มี(มั้งนะ) ทุกอย่างมีครบตามสูตรที่ว่าไว้ข้างต้น แต่เมื่อถึงช่วงเวลาบอกเล่าความในใจกัน

    มันไม่ซาบซึ้ง น้ำตามันไม่ไหลพราก และไม่ค่อยเป็นไปตาม steps ที่งานทั่วไปเขาทำกัน พาลห่วงว่าญาติผู้ใหญ่จะชอบใจกันมั้นด้วยซ้ำ

    แต่ที่เราได้รู้คือคู่บ่าวสาวเค้ารักกันมาก และบนความรักของเค้ามันก็มีเรื่องสนุกตลอดเวลาผ่านจากคำพูด

    ผมไม่ค่อยสนใจภาพงานว่าหรูหราแค่ไหน (แต่ไปมาหลายงานก็รู้ว่ามันจำเป็น เพราะคนอื่นไม่ได้คิดแบบเรา) แต่สนใจที่ว่าสองคนมารู้จักกันได้ไง เค้าผ่านประสบการณ์ร่วมอย่างไร ฯลฯ

  2. แม่ผมเล่าให้ฟังว่า ตอนพ่อกับแม่แต่งงาน ยายเคยบอกว่า เพราะลูกสาวกำลังจะออกไปอยู่กับคนอื่น จึงต้องจัดงานดีๆ หรูๆ คนเยอะ เพื่อบอกว่าที่ออกไปอยู่กับคนอื่นนี่แต่งงานกันนะ และเพื่อบอกว่าฝ่ายชายสามารถเลี้ยงดูลูกสาวเค้าได้

    นี่คือความคิดของผู้ใหญ่ในสมัยนั้นนะครับ

  3. ไม่ค่อยได้ไปงานแต่งของใครเท่าไหร่อ่ะ แต่ความเห็นของผู้ใหญ่ที่บ้านเวลาพูดถึงเรื่องการแต่งงานก็พูดคล้ายๆที่คุณplynoiเล่า ไม่ได้เน้นว่าต้องหรู แต่ก็อยากให้ทำให้เหมาะสม ไม่ได้น้อยหน้าคนอื่น แม่บอกว่าเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง จะให้ผูกข้อไม้ข้อมือแล้วอยู่ด้วยกันเฉยๆ มันทำไม่ได้หรอก ลูกเค้ามีพ่อมีแม่

    อย่าว่าแต่บ่าวสาวเลยที่ต้องอดข้าวอดน้ำ ญาติพี่น้องที่ช่วยงานก็อดด้วยเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร นานๆที

    เรื่องเค้กนี่ เพราะละครหรือเปล่า เห็นจนรู้สึกว่าถ้าแต่งงานในโรงแรม มันต้องมี ไม่มีตัดเค้กหลายๆชั้นแล้วมันขาดอะไรไป ไม่ครบสมบูรณ์แบบ

  4. ตามที่คุณ plynoi ว่าไว้ครับ .. และความคิดของผู้ใหญ่สมัยนั้นก็ยังอยู่จนถึงสมัยนี้ด้วย..

  5. ชอบประโยคสุดท้ายมากครับ โดนใจ
    “เราจับจ้องอยู่ที่อะไรกัน งานที่ดี หรือชีวิตคู่ที่กำลังเริ่มต้น…”

Comments are closed.