สมัยผมเป็นเด็กนั้น ด้วยความที่โดนฝังหัวให้อ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่แปลกเลยที่ผมจะแบกหนังสือสัก 5 กิโลอยู่บนหลัง
ผมโตขึ้น และอ่านมากขึ้น อินเทอร์เน็ต และภาษาอังกฤษเปิดโลกกว้างให้ผมอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมเคยอ่านหนังสือบางเล่มที่ผมไม่คิดว่ามันจะดีในแบบสุ่มๆ เพราะคิดว่าถ้ามันมีสักเล่มที่มันดีล่ะ เราจะปล่อยมันไปโดยไม่ให้โอกาสมันเลยอย่างนั้นหรือ
มาวันนี้ดูเหมือนทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป ผมพบว่าหนังสือที่ผมอยากอ่านมีมากเกินกว่าที่ผมจะอ่านได้ ความรู้ทั้งโลกมันมากเกินไป
ผมต้องยอมที่จะอ่านหนังสือในบางแขนงเพียงแค่ “หนังสือแนะนำ” ผมเริ่มต้องอ่านหนังสือบางเล่มเป็นบางบท ผมเริ่มบอกลาหนังสือที่ไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้เมื่อผมอ่านไปจำนวนหนึ่ง ผมไม่อ่านหนังสือ “ขายดี” หลายเล่มหากแน่ใจว่ามันไม่เข้ากับแนวทางของผม
ผมแก่แล้วสินะ
ไม่แก่หรอกครับ แต่เวลาที่จะทำเรื่องพวกนี้มันมีน้อยลง กิจธุระอื่นที่ไม่ใช่การอ่านเข้ามาแทรกแซงมากขึ้น
…ok …มันเป็น sign ของอายุที่เพิ่มขึ้น…
อาจจะเป็นยุคที่มีอะไรให้อ่านเยอะด้วย
ผมว่าจริงๆ มันก็อ่านไม่หมดมาตั้งนานแล้วแหละ เพียงแต่เราโตขึ้น ได้เปิดโลกมากขึ้นก็เท่านั้น
เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ทุกวันนี้ วงการหนังสือเน้นการทำปกมากเกินควร และเรื่องการดันหนังสือโดยใช้คำว่า Best Seller ด้วย
สิ่งเหล่านี้มันดึงดูดใจให้ผมเข้าไปอ่านหนังสือเหล่านั้น ทั้งที่ความจริงผมไม่ได้อยากอ่านด้วยซ้ำ
กลับกัน หนังสือที่มีรูปแบบธรรมดา แต่เนื้อหาภายในตรงกันข้าม กลับไม่มีการสนับสนุน
ต้องเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของพานิชย์ด้วยสินะ
ผมคงแก่ได้ซักพักนึงแล้วล่ะครับ (คิดมาก)