อาหาร 2100

ในปี 2100

พาดหัวหนังสือพิมพ์ซ้ำๆ เช่นทุุกวัน หนุ่มใหญ่ตายคา fitness เพราะออกกำลังกายโดยไม่กินอะไรที่มีพลังงานเลยมาต่อเนื่องหลายวัน

ใช่แล้วอาหารไร้พลังงานในยุคนี้เป็นเรื่องปรกติ เราเห็นร้านอาหารจำนวนมากขายอาหารไีร้พลังงานกันเป็นเรื่องปรกติ

นวัตกรรมอาหารไร้พลังงานถูกคิดค้นมาได้ตั้งแต่ช่วงปี 2040 แต่กว่าจะเริ่มพัฒนารสชาติและเทคโนโลยีการผลิตให้เหมือนอาหารปรกติได้ก็ต้องใช้เวลาถุึงปี 2050 การคิดค้นเหล่านี้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากมนุษย์ชาติต้องผจญกับโรคอ้วนไปแล้วกว่าค่อนโลก

หลายร้อยปีแห่งการต่อสู้กับการกันดารอาหาร เมื่อมนุษยชาติชนะสงครามนั้น กลับต้องเจอกับสงครามแห่งโรคอ้วนที่คร่าชีวิตคนไปมากมายตั้งแต่เด็ก

แต่เทคโนโลยีไม่ลำบากเท่ากับการให้สังคมยอมรับ หลายสิบปีที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากไม่ยอมรับว่าอาหารไร้พลังงานเหล่านี้ เช่นเดียวกับสมัยที่มนุษยชาติไม่ยอมรับมันฝรั่งที่เข้ามาทดแทนการกันดารอาหาร ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งยืนยันว่าสามารถสัมผัสได้ว่ารสชาติของอาหารไร้พลังงานเหล่านี้แตกต่างจากอาหารปรกติ แม้จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ และไม่มีใครยอมเข้าทดสอบ blind test ก็ตามที

โลกยังต้องต่อสู้กับโรคอ้วนโดยหวังว่าการลดความอ้วนที่แท้จริงคือการไม่กินเกินกว่าความต้องการ ในยุคที่อาหารราคาถูกจนแทบจะเป็นของฟรีเมื่อเทียบกับรายได้ของคนในยุคนี้

ผมแทะน่องไก่ไร้พลังงาน ผู้ผลิตยืนยันว่ารสชาติมันเหมือนกับน่องไก่เลี้ยงตามบ้านทุกประการ น่องไก่แบบนี้เพิ่งได้รับการยอมรับให้วางขายทั่วไปในปี 2080 ที่ผ่านมา และต้องกลายเป็นอาหารที่แพทย์สั่งให้คนป่วยได้กินเท่านั้น

แต่ภายในไม่นานหลังจากนั้นคนเริ่มยอมรับมันมากขึ้น ร้านบุฟเฟ่ห์เนื้อแบบไร้พลังงานร้านแรกเปิดกิจการในปี 2087 มันได้รับความนิยมอย่างสูง และแพร่ออกไปเป็นร้านอาหารไร้พลังงานจนทั่วในช่วงปี 2090 ที่ผ่านมา

คนเสียชีวิตจากการขาดอาหารทั้งที่กินอาหารตลอดเวลา แต่กลับกินแต่อาหารไร้พลังงานคนแรกเสียชีวิตในปี 2095 หลังจากนั้นภาครัฐต้องเข้าควบคุมหลายๆ อย่าง ร้านอาหารไร้พลังงานถูกสั่งห้าม และทุกร้านต้องมีเมนูอาหารที่มีพลังงานอยู่ในเมนูด้วยเสมอ ขนมขบเคี้ยวถูกเรียกร้องให้เตือนตัวใหญ่ๆ ว่าเป็นอาหารไร้พลังงาน

แอพพลิเคชั่นยอดนิยมกลุ่มใหม่ในช่วงหลายปีมานี้คือ food tracker ที่ให้เราบันทึกว่าเรากินอาหารมีพลังงานไปเพียงพอต่อความต้องการหรือยัง และเตือนให้เรากินของหวานก่อนนอนจะได้พลังงานครบถ้วนตามกิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน

ล่าสุดกลุ่มนักวิจัยกำลังวิจัยอาหารที่รับรู้ว่าเรากินอาหารเข้าไปเท่าใหร่แล้วในแต่ละวัน และปล่อยสารอาหารออกมาให้พอดีกัน ลองจิตนาการถึงยุคที่คุณกินเท่าใหร่ก็ได้แต่ไม่อ้วนหรือไม่ผอมลงเลยสิ

ผมทนรอมันแทบไม่ไหวแล้ว

 

On the Post PC Era

เรื่องที่มองๆ อุตสาหกรรมช่วงนี้มาสักพักคือความเปลี่ยนแปลงในอีกสองปีข้างหน้า ว่ามันจะเป็นไปในทางไหน จากที่ตอนนี้ฝุ่นยังค่อนข้างตลบ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นค่อนข้างแน่นอน

ตอนนี้โลกเรามีทั้ง PC ที่ยังแข็งแกร่ง, Netbook ที่อ่อนแรง, Ultrabook ที่น่าจะมา, Tablet, และโทรศัพท์มือถือ

ส่วนตัวแล้วผมเชื่อแนวทางของ Asus ที่เลือกผลิต transformer ที่สุด

ปัญหาสำคัญของวินโดวส์และลินุกซ์แบบเดสก์ทอปทุกวันนี้คือมันไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการประหยัดพลังงานนัก การทำงานของ OS ออกแบบไว้ให้จำลอง “เครื่องเสมือน” สำหรับทุกโปรแกรม

ในยุคที่เป็นเดสก์ทอปจริงๆ แนวคิดแบบนี้ก็โอเคดี เพราะพัฒนาง่าย แต่ในยุคที่พลังานเป็นข้อจำกัด มันกลายเป็นปัญหาไป

tablet/mobile ทุกวันนี้มีแอพพลิเคชั่นที่ออกแบบมาด้วยแนวคิดยุคใหม่ๆ แอพพลิเคชั่นแยกส่วนที่จำเป็นต้องรันตลอดเวลาออกจากส่วนที่ไม่จำเป็น ส่วนที่ไม่จำเป็นถูกฆ่าได้เสมอหาก OS ตัดสินใจ แต่ด้วย form factor ที่ไม่เหมาะกับการทำงานจริงจัง มันยังเป็นข้อจำกัดอยู่

โลกยังมีตลาดใหญ่มากคือตลาดที่ต้องการออกจากพีซี แต่ต้องการใช้ทำงานแบบเดิม

คนเหล่านี้ต้องการ ทำ word processing และ spread sheet เป็นงานหลัก และต้องตอบอีเมลตลอดวัน เข้าห้องประชุม นำเสนองาน ฯลฯ แต่ขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ก็หงุดหงิดกับการที่ต้องแบกสายชาร์จและหาปลั๊กไปเรื่อยๆ

เรื่องที่ผมเชื่อคือวันหนึ่งโลกเราจะค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลขาหน้าห้องจะค่อยๆ ใช้แท็บเล็ตทำงาน พิมพ์งานอย่างจริงจัง

และถึงวันหนึ่งเราก็จะเริ่มสงสัยว่าเราจะใช้วินโดวส์ทำไม

รูปร่างหน้าตาคอมพิวเตอร์ที่เราถืออาจจะไม่ต่างออกไป แค่เราแบกมันมากขึ้น น้ำหนักมันเบาลง และเราทิ้งสายชาร์จไว้ที่บ้านยกเว้นเวลาไปต่างจังหวัด

 

Blognone Upgrade Path

ช่วงนี้ถึงเวลาการอัพเกรด Blognone อีกครั้ง ตอนแรกหวังว่าจะเสร็จในไตรมาสแรก แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้ว (หวังว่าจะเสร็จในช่วงเมษา) แต่เตรียมอะไรไว้หลายๆ อย่างแล้ว คงมาจดอีกไว้ก่อน

  1. การอัพเกรดรอบนี้คงเป็น clean install แล้วย้ายข้อมูลจากฐานข้อมูลเดิมมาด้วย script เพื่อลดขยะจากตารางสารพัดจากโมดูลที่เคยใช้ ตั้งแต่สมัย 5-6 ปีก่อน
  2. ใช้ Drupal 7 ตามแนวทางเว็บที่ทำไปก่อนหน้าแล้วคือ MEconomics
  3. ธีมเป็น Responsive ยกเลิกหน้าเว็บ Mobile/Kindle ออกทั้งหมด แก้ปัญหาเรื่อง SEO ไปด้วยพร้อมกัน
  4. เปิด authentication แบบเดัียวคือ OpenID เท่านั้น ยกเลิก Site Network เพราะตัว Drupal เองก็ไม่แนะนำให้ใช้มาตั้งแต่ Drupal 5 แล้ว
  5. Workflow จะเปลี่ยนไป เพราะมาใช้ Rules + Field Permissions แทน ทำให้ Writer สามารถเข้าไป Edit บาง field ได้

สิ่งที่จะเกิดขึ้น

  1. เว็บใหม่ๆ น่าจะเกิดขึ้นง่ายกว่าเดิม จาก template เว็บที่สร้างไว้ + OpenID ทำให้วิธีการเชื่อมต่อกัน well define กว่าเดิม
  2. อาจจะเปิดให้คนเสนอเว็บแบบใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ
 

ปริศนา

เพิ่งเคยดูละครของค่าย DreamBox เป็นครั้งแรกหลังจากดูของทางฝั่ง Scenario มาหลายรอบแล้ว

ปริศนาเป็นนิยายที่ดูเรื่องย่อแล้วก็นึกออกว่าสร้างละครเวทีได้ดีแน่ๆ เรื่องราวของหญิงสาวที่ล้ำยุคกับชายสูงศักดิ์หัวโบราณ สร้างความ contrast ให้กับเรื่องได้พร้อมๆ กับฉากแนวพีเรียดที่ชวนฝัน มันเป็นเรื่องของผู้หญิงที่บังเอิญได้ไปเรียนสหรัฐฯ ตั้งแต่เด็ก และกลับมาเมืองไทยเมื่อโตเป็นสาว ปริศนามีความหลังหลายด้าน ทั้งพ่อที่ตายก่อนเธอเกิด ชาติกำเนิดของเธอที่ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นลูกของพ่อจริงๆ แม่ที่แยกตัวจากครอบครัวของพ่อออกมาแล้วเลี้ยงลูกทุกคนด้วยตัวเองจนมีฐานะเพียงชนชั้นกลาง-ล่าง

เรื่องราวที่ตรงไปตรงมา ปริศนาเจอคุณชายในภาพที่ไม่น่าประทับใจนัก แต่สุุดท้ายเธอและเขาก็รักกัน จากนั้นก็มีอุปสรรคเข้ามา

เรื่องราวน่าสนใจหลายอย่าง ไว้ไปงานหนังสือคงไปซื้อมาอ่านอีกที หน้าโรงละครมีขายแต่ไม่ลดเลย พร้อมกับช่วงนี้อ่านหนังสือพร้อมกันอยู่หลายเล่มจนล้น เลยคิดว่าไว้ก่อนดีกว่า

ส่วน production

  1. โรง M Theater เป็นโรงละคนอเนกประสงค์ที่ดูจะไม่ได้สร้างสำหรับละครเวทีเป็นการเฉพาะนัก slope ค่อนข้างน้อย ทำให้หัวบังกัน
  2. การสลับฉากของ DreamBox ยังไม่มืออาชีพเท่า Scenario แสงตอนเปลี่ยนฉากไม่มืดสนิท การจัดฉากหลายครั้งมีเสียงแปลกๆ ออกมาเยอะ และการจัดฉากไม่ทันบ่อยมาก แม้จะเนียนๆ ว่าเป็นคนใช้จัดโต๊ะก็ตามที
  3. ที่น่าทึ่งคือตัวแสดง เลือกมาค่อนข้างดีมาก ตรงบท และร้องเพลงได้ดี
  4. ตัวเพลงออกมาดีทั้งเรื่อง ไม่ค่อยมีหลุดในระดับที่กระชากอารมณ์ออกจากเรื่อง อาจจะเป็นเพราะเพลงนั้นไม่ยากมากในการไล่เสียงสูงต่ำมากๆ แต่ผมพบว่าการใส่เพลงโชว์พลังโดยที่บางทีนักแสดงไปไม่ไหว (อาจจะไหวตอนซ้อม แต่ตอนแสดงทำไม่ได้) ยิ่งทำให้เรื่องมันแย่ การเลือกใช้เพลงในระดับที่นักแสดงไปได้แน่ๆ นั้นดีกว่ามาก
  5. ห้องน้ำในโรงละครเป็นปัญหาเหมือนกันทั้งกรุงเทพฯ มันจะทำให้พอสำหรับคนทั้งโรงเข้าห้องน้ำเวลาพัก 15 นาทีกันไม่ได้เลยหรือไง
  6. ตัวบทตัดเหลือเวลาเส้นพล็อตหลัง และวางพล็อตรองไว้บ้างได้ดีมาก ทำให้บางพล็อตแทบจะหายไปเลยจากเรื่อง เช่น น้องสาวของคุณชายที่เป็นนักเรียน ผมยังไม่ได้อ่านเลยไม่แน่ใจว่ามีอะไรโดนตัดไปอีกบ้าง แต่เท่าที่ดูบทดีมาก ให้เวลาบทหลักเพียงพอ
  7. ผมไปดูรอบสุดท้ายพอดี คิดว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จมากอีกเรื่องหนึ่งของ DreamBox จนต้องเปิดการแสดงใหม่หลังเดือนพฤษภาคม คาดว่าเป็นปัญหาเดียวกับ Screnario คือคณะละครไม่มีโรงละครของตัวเองแล้ว ไม่สามารถเปิดแสดงยืดหยุ่นได้ตามความสำเร็จของเรื่อง ก็ขอให้รวยๆ จนมีโรงละครของตัวเองเร็วๆ
  8. คือถือช่อดอกไม้เยอะมาก เค้าไปให้นักแสดงกันตอนไหน????