ตอนแรกนึกว่าจะได้ขึ้น front page ของ digg แต่ไปๆ มาๆ ได้ขึ้น reddit กับ blogger แทน
ทำ blognone มาสองปียังไม่ดังเท่านี้…..
ตอนแรกนึกว่าจะได้ขึ้น front page ของ digg แต่ไปๆ มาๆ ได้ขึ้น reddit กับ blogger แทน
ทำ blognone มาสองปียังไม่ดังเท่านี้…..
ทุกวันนี้การใช้งาน Blognone มักมีการเข้าชมหน้าเว็บประมาณ 2.2 หน้าต่อการเข้าเว็บในแต่ละครั้ง เท่าที่ดูเว็บเมืองไทยแล้ว โดยเฉลี่ยมักอยู่ที่ระดับ 7 หน้าขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่
ผมมีเป้าหมายว่า Blognone 3.0 นั้นต้องมีค่าการเข้าชมหน้าเว็บให้ต่ำกว่า 1.6 หน้าต่อการเข้าเว็บในแต่ละครั้งให้ได้ ผมว่ามันน่ารำคาญที่คนเข้าเว็บเพื่อต้องการอะไรบางอย่าง ถูกหลอกล่อไปมาโดยเข้าของเว็บเพื่อให้วนเวียนในเว็บของตนเอง
Blognone ต้องแตกต่าง ใน Blognone 3.0 ที่หน้าแรกของเว็บ ผู้ใช้ควรทำฟังก์ชั่นพื้นฐานได้ทั้งหมด ตั้งแต่การอ่านข่าว อ่านคอมเมนต์ ไปจนถึงการคอมเมนต์ ทั้งหมดทำโดยการส่งข้อมูลทั้งหมดไปตั้งแต่ทีแรก แล้วซ่อนโดยการใช้ CSS/Javascript ทั้งหมด ฟังก์ชั่นการทำงานส่วนใหญ่เป็นการ “โชว์” ข้อมูลที่ถูกโหลดมาตั้งแต่ต้นมากกว่าจะเป็นการเข้าหน้าใหม่
แนวคิดคือส่วนใหญ่แล้ว คอมเมนต์นั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก การสร้าง Connection ใหม่นั้นเสียเวลาผู้ใช้มากกว่าการโยนคอมเมนต์ทั้งหมดไปให้ผู้ใช้ตั้งแต่ทีแรก
จะไม่มีแบนเนอร์, หน้า Pop-Up หรือ Intro ตลอดเวลาที่ผมบริหาร Blognone แน่นอน ผู้ใช้เข้ามาอ่านบทความ สิ่งที่คุณได้คือบทความในทันที ส่วนเรื่องอื่นๆ ถ้าต้องการเพิ่มเติมจึงต้องโหลดเพิ่มเอาในภายหลัง
ด้วยประสบการณ์การทำเว็บมาสองสามปี ทำให้ผมต้องเข้าไปนั่งดู Admin Log ของ Drupal เป็นงานประจำ เรื่องหนึ่งที่ผมพบคือคนจำนวนมากลืม password ในการเข้า Blognone กันเป็นประจำ
ปัญหา Single Sign-On ที่เป็นมาตรฐานบนเว็บยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ แม้จะมีมาตรฐาน OpenID ออกมาให้เราใช้กันแล้วก็ตาม
เท่าที่ลองใช้ OpenID มันก็พอใช้ได้ดีทีเดียว ปัญหาคือไม่มีใครใช้มันกันสักเท่าใหร่ เพราะเจ้าใหญ่ๆ เช่น Yahoo!, Google และ Microsoft นั้น จะให้มาลงรอยกันง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้
มันอาจจะถึงเวลาที่เราต้องตั้งกลุ่มพันธมิตรเพื่อผลักดันการแก้ปัญหานี้อย่างเป็นทางการและเป็นรูปธรรม เพื่อให้ความสะดวกกับผู้ใช้ และสร้างความได้เปรียบกับกลุ่มพันธมิตรในระยะยาว
ในตอนเริ่มต้นนั้นมันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สักเท่าใหร่ เช่นจะให้ exteen เป็นพันธมิตรกับ Blognone ที่มีธุรกิจคนละเซกเมนต์อย่างชัดเจนก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะให้ Pantip.com, Manager และ Sanook ร่วมมือกัน เราคงต้องรอไปอีกนาน
แต่อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือแม้จะเป็นการแบ่งกลุ่มธุรกิจ คล้ายๆ น้ำอัดลม พิซซ่า และไก่ทอด ก็ยังเป็นเรื่องดี เช่นในอนาคต เราอาจจะต้องใช้พาสเวิร์ดเพียงสามสี่ชุดเท่านั้น เพื่อเข้าถึงเว็บ 30 อันดับแรกของประเทศ กับเว็บนอกกระแสอื่นๆ อีกนับร้อย แม้จะไม่ถึงโลกอุดมคติที่ให้ทุกคนใช้พาสเวิร์ดเพียงชุดเดียว แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ดีอยู่ดี
ต้องเริ่มที่ Blognone สินะ
ช่วยเพื่อนทำเว็บ เลยลองใช้ปลั๊กอิน Web Develop กับ Flock ดู
เข้าใจว่าในไฟร์ฟอกซ์ก็น่าจะทำงานเหมือนๆ กัน แต่ชีวิตกับ CSS มันดูมีความสุขขึ้นเยอะเลยแฮะ
ปัญหาคือ IE มันยังคงทำเรนเดอร์ได้ครึ่งๆ กลางๆ เนี่ยสิ