19Sep

19sep

ตอน​แรก​นึก​ว่า​จะ​ได้​ขึ้น front page ของ digg แต่​ไปๆ มาๆ ได้​ขึ้น reddit กับ blogger แทน

ทำ blognone มา​สอง​ปี​ยัง​ไม่​ดัง​เท่า​นี้…..

 

Blognone 3.0: The User Interface

ทุก​วัน​นี้​การ​ใช้​งาน Blognone มัก​มี​การ​เข้า​ชม​หน้า​เว็บ​ประมาณ 2.2 หน้า​ต่อ​การ​เข้า​เว็บ​ใน​แต่​ละ​ครั้ง เท่า​ที่​ดู​เว็บ​เมือง​ไทย​แล้ว โดย​เฉลี่ย​มัก​อยู่​ที่​ระดับ 7 หน้า​ขึ้น​ไป​เป็น​ส่วน​ใหญ่

ผม​มี​เป้า​หมาย​ว่า Blognone 3.0 นั้น​ต้อง​มี​ค่า​การ​เข้า​ชม​หน้า​เว็บ​ให้​ต่ำ​กว่า 1.6 หน้า​ต่อ​การ​เข้า​เว็บ​ใน​แต่​ละ​ครั้ง​ให้​ได้ ผม​ว่า​มัน​น่า​รำคาญ​ที่​คน​เข้า​เว็บ​เพื่อ​ต้อง​การ​อะไร​บาง​อย่าง ถูก​หลอก​ล่อ​ไป​มา​โดย​เข้า​ของ​เว็บ​เพื่อ​ให้​วน​เวียน​ใน​เว็บ​ของ​ตน​เอง

Blognone ต้อง​แตก​ต่าง ใน Blognone 3.0 ที่​หน้า​แรก​ของ​เว็บ ผู้​ใช้​ควร​ทำ​ฟังก์ชั่นพื้นฐานได้ทั้งหมด ตั้งแต่​การ​อ่าน​ข่าว อ่าน​คอมเมนต์ ไป​จน​ถึง​การ​คอมเมนต์ ทั้ง​หมด​ทำ​โดย​การ​ส่ง​ข้อมูล​ทั้ง​หมด​ไป​ตั้งแต่​ที​แรก แล้ว​ซ่อน​โดย​การ​ใช้ CSS/Javascript ทั้ง​หมด ฟังก์ชั่นการทำงาน​ส่วน​ใหญ่​เป็น​การ “โชว์” ข้อมูล​ที่​ถูก​โหลด​มา​ตั้งแต่​ต้น​มากกว่า​จะ​เป็น​การ​เข้า​หน้า​ใหม่

แนว​คิด​คือ​ส่วน​ใหญ่​แล้ว คอม​เมนต์นั้น​มี​ขนาด​ไม่​ใหญ่​มาก การ​สร้าง Connection ใหม่​นั้น​เสีย​เวลา​ผู้​ใช้​มากกว่า​การ​โยน​คอม​เมนต์ทั้ง​หมด​ไป​ให้​ผู้​ใช้​ตั้งแต่​ที​แรก

จะ​ไม่​มี​แบนเนอร์, หน้า Pop-Up หรือ Intro ตลอด​เวลา​ที่​ผม​บริหาร Blognone แน่​นอน ผู้​ใช้​เข้า​มา​อ่าน​บท​ความ สิ่ง​ที่​คุณ​ได้​คือ​บท​ความ​ใน​ทันที ส่วน​เรื่อง​อื่นๆ ถ้า​ต้อง​การ​เพิ่ม​เติม​จึง​ต้อง​โหลด​เพิ่ม​เอา​ใน​ภาย​หลัง

 

Single Sign-On

ด้วย​ประสบการณ์​การ​ทำ​เว็บ​มา​สอง​สาม​ปี ทำ​ให้​ผม​ต้อง​เข้า​ไป​นั่ง​ดู Admin Log ของ Drupal เป็น​งาน​ประจำ เรื่อง​หนึ่ง​ที่​ผม​พบ​คือ​คน​จำนวน​มาก​ลืม password ใน​การ​เข้า Blognone กัน​เป็น​ประจำ

ปัญหา Single Sign-On ที่​เป็น​มาตรฐาน​บน​เว็บ​ยัง​ไม่​ได้​รับ​การ​แก้​ไข​อย่าง​เป็น​ระบบ แม้​จะ​มี​มาตรฐาน OpenID ออก​มา​ให้​เรา​ใช้​กัน​แล้ว​ก็​ตาม

เท่า​ที่​ลอง​ใช้ OpenID มัน​ก็​พอ​ใช้​ได้​ดี​ที​เดียว ปัญหา​คือ​ไม่​มี​ใคร​ใช้​มัน​กัน​สัก​เท่าใหร่ เพราะ​เจ้า​ใหญ่ๆ เช่น Yahoo!, Google และ Microsoft นั้น จะ​ให้​มา​ลง​รอย​กัน​ง่ายๆ คง​เป็น​ไป​ไม่​ได้

มัน​อาจ​จะ​ถึง​เวลา​ที่​เรา​ต้อง​ตั้ง​กลุ่ม​พันธมิตร​เพื่อ​ผลัก​ดัน​การ​แก้​ปัญหา​นี้​อย่าง​เป็น​ทาง​การ​และ​เป็น​รูป​ธรรม เพื่อ​ให้​ความ​สะดวก​กับ​ผู้​ใช้ และ​สร้าง​ความ​ได้​เปรียบ​กับ​กลุ่ม​พันธมิตร​ใน​ระยะ​ยาว

ใน​ตอน​เริ่ม​ต้น​นั้น​มัน​อาจ​จะ​ไม่​ใช่​เรื่อง​ใหญ่​สัก​เท่าใหร่ เช่น​จะ​ให้ exteen เป็น​พันธมิตร​กับ Blognone ที่​มี​ธุรกิจ​คน​ละ​เซ​กเมนต์อย่าง​ชัดเจน​ก็​ไม่​มี​ปัญหา แต่​ถ้า​จะ​ให้ Pantip.com, Manager และ Sanook ร่วม​มือ​กัน เรา​คง​ต้อง​รอ​ไป​อีก​นาน

แต่​อย่าง​ไร​ก็​ตาม ความ​ร่วม​มือ​แม้​จะ​เป็น​การ​แบ่ง​กลุ่ม​ธุรกิจ คล้ายๆ น้ำ​อัด​ลม พิซซ่า และ​ไก่​ทอด ก็​ยัง​เป็น​เรื่อง​ดี เช่น​ใน​อนาคต เรา​อาจ​จะ​ต้อง​ใช้​พาสเวิร์ด​เพียง​สาม​สี่​ชุด​เท่า​นั้น เพื่อ​เข้า​ถึง​เว็บ 30 อันดับ​แรก​ของ​ประเทศ กับ​เว็บ​นอก​กระแส​อื่นๆ อีก​นับ​ร้อย แม้​จะ​ไม่​ถึง​โลก​อุดมคติ​ที่​ให้​ทุก​คน​ใช้​พาสเวิร์ด​เพียง​ชุด​เดียว แต่​ก็​ยัง​เป็น​เรื่อง​ที่​ดี​อยู่​ดี

ต้อง​เริ่ม​ที่ Blognone สิ​นะ

 

Web Developer

ช่วย​เพื่อน​ทำ​เว็บ เลย​ลอง​ใช้​ปลั๊กอิน Web Develop กับ Flock ดู

เข้า​ใจ​ว่า​ใน​ไฟร์ฟอกซ์​ก็​น่า​จะ​ทำ​งาน​เหมือนๆ กัน แต่​ชีวิต​กับ CSS มัน​ดู​มี​ความสุข​ขึ้น​เยอะ​เลย​แฮะ

ปัญหา​คือ IE มัน​ยัง​คง​ทำ​เรนเดอร์ได้​ครึ่งๆ กลางๆ เนี่ยสิ