ไม่ว๊ากแล้วไปไหน?

สืบเนื่องจากน้องนัทมารายงานข่าวมารายงานข่าวว่า ที่มหาวิทยาลัยของน้องเค้าโดนสั่งห้ามว๊ากเป็นการถาวรไปแล้ว เลยมาให้ช่วยคิดกิจกรรมใหม่ๆ ไปเสนอกัน อันนี้เป็นกึ่งๆ ความรับผิดชอบเพราะไปปะทะคารมกับน้องเค้าไว้ตั้งแต่ปีก่อน

แนวคิดหลักๆ ของผมที่มีต่อการรับน้องก่อนแล้วกัน แนวคิดพวกนี้ตกตะกอนมาจากแนวคิดก่อนๆ หน้า

  1. มันไม่จำเป็นต้องเหมือนเดิม ไม่มีอะไรคงอยู่ในรูปแบบเดิมได้ตลอดไป แนวคิดและจุดมุ่งหมายอาจจะคงเดิม แต่การทำอย่างเดิมๆ คือหนทางแห่งหายนะ (ที่มา)
  2. มันเป็นงาน ถ้าจะทำ มันคืองานที่ต้องรับผิดชอบ งานที่อาจจะล้มเหลวได้ งานที่มีโอกาสไม่ดีได้ และมีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างเกินคาดได้ ไม่ควรมีใครต้องแบกรับผลทั้งหมดของมันไว้ตามลำพัง ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ รุ่้นน้อง หรือใครก็ตามที (ที่มา)
  3. มันต้องแสดงความรับผิดชอบของผู้ทำเป็นอย่างดี หมดยุคของการโอดโอย โทษฟ้าโทษฝนถึงผลที่ตามมา แม้จะเป็นผลที่คาดเดาได้เสมอๆ
  4. ยอมรับความแตกต่างของแต่ละบุคคล รถฮอนด้าพันคันออกมาจากโรงงานเดียวกัน บ้านผมมีสองสามคันดีหมด ยังมีคันนึงออกมาให้คุณเดือนเพ็ญไปทุบจนเป็นข่าวไปทั่วโลก ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าทุกๆ คนจะเหมือนกัน และโดยเฉพาะอย่าไปตัดสินว่าความแตกต่างนั้นเป็นความผิดเสมอ (3 กับ 4 นี่อันเดียวกัน)

แนวคิดอะไรประมาณนี้จะทำให้เกิดกิจกรรมเดียว ที่ทุกคนในมหาวิทยาลัยทำร่วมกันได้นี่เป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ดี “ในภาพรวม” ได้ ยิ่งเราต้องคิดถึงแนวคิดข้อ 4 ในเรื่องความแตกต่างเข้าไปด้วยแล้ว แต่เท่าที่ลองนึกๆ ดูก็มี

  1. งานแฟร์ แทบทุกมหาวิทยาลัยมีงานแฟร์กันอยู่แล้ว ดีกรีความน่าสนใจต่างกันไป อย่างที่ผมชื่นชมมากๆ ก็เช่น ม.บางมด ถ้าทำให้งานแฟร์ในมหาวิทยาลัยเป็นงานที่คน “ส่วนใหญ่” มีส่วนร่วมได้ จะเป็นเรื่องดีมากๆ เพราะแบ่งส่วนได้ตั้งแต่วิชาการเต็มเหนี่ยวไปจนถึงบันเทิง (ต้องคุมสัดส่วนดีๆ ไม่งั้นเละ)
  2. ผมเคยพูดถึงวิชาสมมติ ที่ให้รุ่นพี่มีส่วนร่วมสูงๆ (อยู่ในบล็อกนี่ล่ะ แต่หาไม่เจอ) อย่างวิศวะก็เป็น Introduction to Engineering ให้ทำงานกลุ่ม รุ่นพี่มีส่วนร่วมมากๆ TA อาจจะอยู่ในระดับ 1 ต่อ 5 ทำงานกลุ่ม โปรเจคไม่ยากเกินไป แต่อาศัยความร่วมมือสูงๆ อย่างลองสร้างบ้านจำลอง, สร้าง GRID Computing จากซากคอม (ยากไปป่าวว่ะ?), เครื่องบินบังคับวิทยุ จากไม่บัลซาร์กับรถกระป๋อง ฯลฯ
  3. จัดติว อันนี้คงมีกันทุกมหาวิทยาลัย แต่คนมีส่วนร่วมอย่างมากๆ คงไม่เกิน 50 คน มากกว่านี้คงจัดการกันลำบาก
  4. เข้าค่าย เป็นกิจกรรมที่น่าจะดูเข้าท่าที่สุด แนวคิดคือจุดมุ่งหมายง่ายๆ ประสบความสำเร็จโดยเร็ว จะได้กลับบ้านไปอ่านหนังสือ อย่างเช่นไปปลูกป่าปีละิสิบไร่ ปักป้ายไว้ว่ารุ่นไหนก็คงเข้าท่า หรือไปดำนากันรุ่นละยี่สิบแปลง (ดำอย่างเดียว ให้ชาวนาดูแลต่อ) ถึงเวลากลับไปเกี่ยวมาหุงกิน จะได้รู้รสชาติ อันนี้อยากทำเองมานานแล้ว

แนวคิดพวกนี้ เอาเข้าจริงแล้ว มันก็แค่การสมมติในหัว และเขียนอธิบายอยู่ในหน้าจอคอมพิวเตอร์ สุดท้ายแล้วการเปลี่ยนแปลงคงต้องเจอความเจ็บปวดกันไม่น้อยจากการล้มลุกคลุกคลานของการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ แต่อย่างไรก็ตาม การเจ็บปวดในวันนี้ ก็เป็นการลดความปวด หากต้องเจอความเปลีั่ยนแปลงในวันพรุ่งนี้เสมอๆ

Now is better than never.
Although never is often better than *right* now.
The Zen of Python

 

ไม่น่าเชื่อ…

พ.ศ. นี้มันยังมีตัดรุ่นอีกเหรอเนี่ย……

ที่สำคัญคือยังมีเด็กเชื่อมันด้วย!!!!

ประเทศไทยยังต้องพัฒนาเรื่องการเข้าถึงข้อมูลกันอีกนานเลย

 

เหมือนกัน

(ไอ้) พี่ว๊าก – คนที่ไม่เข้าน่ะ ไม่เห็นใจเพื่อนหรือไง เพื่อนคุณลำบากนะ เห็นแก่ตัวกันขนาดนั้นเชียวเหรอ
อาจารย์ (บางท่าน) – คนที่ไม่แต่งตัวให้ถูกระเบียบน่ะ แค่นี้ยังทำไม่ได้แล้วจะเรียนยัีงไง

Assumption คงเป็นเรื่องปรกติสำหรับมนุษย์ที่เรามักเอาประสบการณ์อันยาวนานมาตัดสินอะไรง่ายๆ หลายครั้งมันง่ายและได้ผลดีอย่างน่าทึ่ง แต่ถึงจุดหนึ่งแล้วเราจะพบว่าประสบการณ์ชั่วชีวิตเรามันเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนเส้นทางสายประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษยชาติ น่าแปลกที่เรากลับไม่เรียนรู้จากมัน

น่้าเศร้าที่ในยุคที่ข้อมูลเรามีท่วมท้น เราเลือกที่จะเก็บมันไว้ในตู้อย่างปลอดภัย แล้วทำตามประสบการณ์ที่เราเรียนรู้มาเมื่อวาน แทนที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ร้อยปีพันปีย้อนหลังไป ทั้งๆ ที่ข้อมูลมันอยู่ในตู้นั้น

หนังไม่รู้กี่เรื่องแล้วที่แสดงถึงการต่อสู้ชีวิตจากจุดที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่เราได้ดูกัน การเรียกร้องสิทธิ์จากคนพิการ หรือความเท่าเทียมทางเพศเริ่มเข้ามามีบทบาทในสังคมเรื่อยๆ แต่กับบางจุด เรากลับเลือกที่จะไม่มองมัน เราแค่หันไปบอกคนส่วนน้อยว่า “ก็ใครๆ เขาทำกัน” “กี่รุ่นๆ ก็ทำได้” คำพูดเพียงเท่านี้เองที่เป็นเหตุให้เราเหยียดคนกลุ่มหนึ่ง ออกจากสังคมหนึ่ง

น่าเศร้ากว่านั้นคือ เหตุผลที่เกิดเหตุการอย่างนี้ส่วนหนึ่งเพราะคนที่กล่าวว่าตัวเองอุทิศตนมาทุ่มเททำงาน กลับเลือกการทำอย่้างนี้เพราะว่ามันง่าย เพราะเขาไม่อยากต่อสู้กับการเสนออะไรใหม่ๆ ที่ยากจะสำเร็จ

ให้ดิ้นตายเถอะ ถ้ากลัวลำบาก แล้วจะเข้าไปทำเพื่ออะไร มันพิสูจน์อะไรขึ้นมาหรือไง

ผมไม่เข้าใจ