underlying

เมื่อวันอาทิตย์ไปดูหนังมามีฉากหนึ่งที่กระตุกความคิดเล็กๆ ออกมา…

เรื่องราวตอนนั้นคือพระเอกซึ่งเป็นนักบัญชีพยายามแสดงความเป็นห่วงนางเอก ด้วยการอธิบายกระบวนการทางกฏหมายเพื่อให้นางเอกสามารถจัดการปัญหาได้ดีขึ้น

เรื่องราวดำเนินไปแบบตามครรลองฉากรัก (แม้จะไม่ใช่หนังรักก็ตามทีเถอะ) คือนางเอกโกรธพระเอกที่แทนที่จะเข้าใจและรับฟังปัญหา กลับมัวแต่พยายามพูดในสิ่งที่นางเอกไม่ได้อยากจะฟัง

ที่น่าสนใจคือเด็กคนหนึ่งมาบอกกับนางเอกที่กำลังโกรธนั้นว่า บางทีแล้วที่ชายหนุ่มพยายามพูดในสิ่งต่างๆ นั้น ก็คงเป็นเพราะเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดี

…………

เวลาที่เรามองการกระทำหลายๆ ครั้งแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะมองได้เพียงการกระทำที่เรามองเห็นตรงหน้า

เมื่อเราได้ของขวัญจากใครสักคน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะให้ความประทับใจจากของขวัญที่เราได้รับนั้นเอง เมื่อเราได้ฟังอะไรจากคนอื่นๆ เราก็จะตัดสินความประทับใจจากข้อความที่เขาพูดออกมาเช่นกัน

แต่มันคงจะดี ถ้าเรามีเวลาสักช่วงหนึ่ง ที่เราหันกลับมาคิดว่าเขาทำสิ่งเหล่านั้นไปเพื่ออะไรกัน

คงจะดีถ้าเราจะเห็น ความตั้งใจที่จะไปเลือกของขวัญให้กับเรา และประทับใจกับความตั้งใจนั้น เราอาจจะเห็นความพยายามที่จะหาคำปลอบโยนที่ดี แม้คำพูดที่ออกมานั้นอาจจะไม่ได้เรื่องเท่าใหร่

ถ้าเราทำได้…. เราคงจะเห็นความรักอยู่รอบตัวเรามากขึ้นอีกมหาศาล…

 

เปิดเผย

พอดีว่าไปเที่ยวลาวมาครับ ว่าจะซื้อคีย์บอร์ดภาษาลาวมาเป็นของฝากชาว Blognone (อยากใช้เองด้วย) แต่พอดีไปช่วงปีใหม่ ร้านปิดหมดไว้ แต่มีแววว่าจะได้ไปอีกเพราะรอบนี้ไป จำปาสัก (ลาวใต้) คงได้ไปลาวเหนือ กับลาวกลาง ในไม่ช้า

เรื่องไปเที่ยวโดยหลักๆ แล้วก็ธรรมชาติที่ค่อนข้างสมบูรณ์มาก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะเล่าให้ฟังในวันนี้ แต่เป็นเรื่องภาพข้างบนที่แปะไว้

ภาพข้างบนนี้ที่น่าสนใจมาก เพราะมันคือภาพข้างฝาผนังด้านนอกของกระท่อมชนเผ่าพื้นเมือง ที่สร้างห้องพิเศษยื่นออกมาเอาไว้ให้ลูกสาวอยู่ ส่วนหน้าต่างนั้นไม่ได้มีไว้ระบายอากาศ แต่เอาไว้ให้หนุ่มๆ ที่จะมาจีบลูกสาวบ้านนั้นได้ขอจับมือบ้าง

น่าสนใจมากว่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างดั้งเดิมแบบนี้ ยอมรับการคบหากันแบบเปิดเผยโดยมีพ่อแม่รับรู้อยู่เป็นเรื่องปรกติ  ต่างกับสังคมที่ผมเห็นในชีวิตประจำวันที่การคบหากันของหนุ่มสาวจะเป็นเรื่องห่างไกลพ่อแม่ไปทุกที

โดยส่วนตัวแล้วเนื่องจากเป็นคริสตชน สังคมรอบตัวผมจะมีบรรทัดฐานอีกแบบ เช่นการอยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องรับไม่ได้, การคบหากันควรมีคนนอกรับรู้, ควรคบหากับคริสตชนด้วยกันเท่านั้น ฯลฯ

แต่ไม่ว่าสังคมรอบตัวแต่ละคนเป็นอย่างไร ผมมองว่าพ่อแม่มีส่วนเป็นอย่างมากที่จะกำหนดค่านิยมให้กับลูก และเรื่องของการคบหากันของลูก ไม่ควรเป็นเรื่องที่โดนปิดบังจากพ่อแม่ ส่วนที่ว่าพ่อแม่จะเข้าไปจัดการมากน้อยแค่ไหนก็เป็นเรื่องของแต่ละครอบครัวกันไป

ไม่ว่าค่านิยมของแต่ละคนเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าวัฒนธรรมการคบหาโดยพ่อแม่รับรู้เป็นสิ่งที่ดีเสมอ

 

เพราะเรา….

เคยเจอเหตุการณ์อะไรแย่ๆ ที่เกิดขึ้นต่อหน้าเรากันบ้างไหม เราอาจจะเห็นรถชนกันข้างๆ รถของเรา เราอาจจะเห็นคนถูกรถชน เราอาจจะต้องเจอกับคนที่ร้องไห้เพราะกระเป๋าเงินหาย

ในเวลาเหล่านั้น หลายๆ ครั้งแล้วเรากลับไม่สามารถบอกได้ว่าเราควรทำอย่างไร เราควรทำอะไรเพื่อจะบรรเทาปัญหาให้เขาเหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง  แต่ในเวลาถัดมา เรากลับบอกได้อย่างชัดเจนว่ามีหลายสิ่งที่เราทำได้ และเราควรทำ

เราอดสงสัยไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราเลือกที่แก้ไขปัญหานั้นอย่างเต็มความสามารถที่เราควรจะทำได้จริงๆ

…..

เราอาจจะช่วยเขาผู้เดือนร้อนเหล่านั้นได้มากกว่าที่เราคิดรึเปล่า

…..

เขาอาจจะไม่เดือดร้อนอีกต่อไปหลังจากที่เราได้ช่วยเขาอย่างถูกต้องรึเปล่า

……

บางทีแล้วปัญหาทั้งหมดอาจจะเกิดขึ้นเพราะเรา

……

เพราะเราเอง…… รึเปล่า

 

ผู้รับ

ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่น่าสนใจในโลกของเราคือ ทัศนคติทางเพศที่มองผู้ชายเป็น “ผู้ให้” แม้ในหลายปีให้หลังมานี้มุมมองแบบดีจะดีขึ้นมากแล้วจากการปรับกระบวนคิดในเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศและเรื่องอื่นๆ แต่ทัศนคติแบบนี้ก็ยังไม่ได้หายไปไหนจากโลกของเรา

เราคงเคยชินที่เห็นภาพยนตร์สักเรื่องที่นางเอกตกอยู่ในมือเหล่าร้ายโดยที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ และมีพระเอกที่อาจจะเก่งกาจ หรืออาจจะไม่ได้เรื่องเลยก็ตามที ฝ่าฟันปัญหานานับประการเพื่อปกป้องช่วยเหลือนางเอกให้รอดพ้นจากภยันอันตรายทั้งปวง แล้วเรื่องราวก็จบลงด้วยการแสดงความขอบคุณจากนางเอกที่บอกว่าเธอขาดพระเอกไปไม่ได้ตลอดกาล

ภาพเหล่านี้แม้จะสร้างความคิดที่จะปกป้องดูแลคนที่เรารักให้กับผู้ชายจำนวนมากในโลกก็ตาม แต่ในมุมกลับแล้ว มันกลับเป็นเรื่องยากที่เราจะยอมรับว่่าในขณะที่เราพยายาม “ให้” นั้น ชีวิตคู่ของคนเราก็ต้องยอมที่จะ “รับ” ไปพร้อมๆ กันด้วย เหมือนกับตอนที่พระเอกรู้ว่านางเอกไปดูกีฬากับพระเอกเพื่อจะใช้เวลากับพระเอกมากกว่าที่จะเป็นความชอบส่วนตัวในเรื่อง The Break Up

บางทีแล้วการเรียนรู้ที่จะรับ และการแสดงความตระหนักในคุณค่าของสิ่งที่เราได้รับในทางบวก อาจจะเป็นเรื่องที่เราต้องเรียนรู้ และปรับปรุงในคนรุ่นต่อๆ ไปเช่นเดียวกับที่คนรุ่นก่อนหน้าเราได้ปรับในเรื่องความเท่าเทียมมาก่อนหน้านี้แล้วก็เป็นได้