ย้าย Host

ส่วนใหญ่คนอ่านบล็อกผมคงอ่านผ่าน Feed กัน แต่ถ้าใครไม่รู้ ก็มาบอกว่าผมย้ายโฮสต์แล้วครับ

ผมย้ายโฮสต์ทั้งที่มีสัญญาเหลืออยู่อีกประมาณปีกว่าๆ ทั้งโฮสต์และโดเมน แต่กรณีที่เจอน่าจะเป็นกรณีที่น่าเก็บไปคิดพอสมควร

ผมเลือกโฮสต์ของผมเองหลัง Blognone นานพอสมควร ในตอนนั้นเลือกโดยอาศัยบทเรียนจาก Blognone มาบ้าง ที่สำคัญคือเลือกคนที่ทำกิจการแนวนี้จริงๆ เพราะ Blognone ช่วงแรกประสบปัญหาผู้ให้บริการเกิดอาการไม่อยากทำต่อกันดื้อๆ

การเลือกครั้งนั้นแม้จะเลือกถูกเข้าว่าพอสมควร แต่ก็เลือกผู้ให้บริการเป็นบริษัทดูมั่นคงดี และมีกิจการหลักเป็นผู้ให้บริการโฮสต์

ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?

จริง ไม่มีปัญหาอะไรเท่าใหร่ในช่วงปีที่ผ่านมา แต่แล้วก็เกิดปัญหาขึ้นสองครั้งเมื่อเว็บผมโดนแฮกเอาไฟล์ pirate มาวาง ประจวบกับวันดีคืนดีผู้ให้บริการก็จะอัพเกรดเซิร์ฟเวอร์พอดี

ปัญหาแรกผ่านไป โดยทางโฮสต์โทรแจ้งว่า limit ใกล้เต็ม (น่าประทับใจมาก) แต่เมื่อถามถึงอาการลึกกว่านั้น ก็ไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากให้ไปดู log เอาเอง…

ผมแก้ปัญหาแรกไปได้ ต่อมาคือความผิดพลาดเมื่อ ทางโฮสต์แจ้งว่าผมไม่ได้ใช้บริการโดเมนกับเขา ทำให้ย้ายโดเมนให้ไม่ได้

ความคิดที่ว่าซื้อที่เดียวปัญหาจะได้น้อยๆ นี่สูญสลายมาก นี่เป็นประเด็นแรก

ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ แน่นอน….

ทุกครั้งที่ผมส่งอีเมลไปติดต่อเพื่อแก้ไข ทางโฮสต์เดิมนั้นให้บริการดีมาก ไม่เคยมีเมลไหนผมถูกตอบกลับโดยใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงเลย แต่น่าสนใจมากว่าผู้ตอบนั้นสลับเพศแทบทุกครั้งไป ความสนุกของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่ออีเมลประมาณหนึ่งในสี่เป็นการทวนปัญหาเดิมใหม่ทั้งหมด!!!

ผมเริ่มคิดในใจ “WTF!!!”

อีเมล 26 ฉบับเด้งไปมา จนได้ข้อสรุปสุดท้ายคือผมมีอำนาจในการจัดการโดเมนด้วยตัวเอง และสิ่งแรกที่ทำคือการย้ายโดเมนไปใช้กับโฮสต์อื่น!

เรื่องนี้สอนให้รู้ดีเลย

  • บางทีอะไรเล็กๆ ง่ายๆ ก็ดีกว่ามาก Cyberbeing.biz ที่ Blognone ใช้นั้นแม้จะไม่เป็นบริษัท การตอบสนองช้ากว่าในบางกรณี แต่เมื่อสอบถามได้แล้ว “รู้เรื่อง” เสมอ แถมช่วยแก้ปัญหากับผมหลายต่อหลายครั้ง
  • การ Scale บริษัทใหญ่โดยระบบไม่ใหญ่ตามนี่มันนรกมาก ประเด็นพวกนี้จะง่ายลงมากถ้าโฮสต์ที่มีซัพพอร์ตหลายคน จะมีระบบติดตามเคส และให้หมายเลขอ้างอิงกับผม เก็บข้อมูลการดำเนินงาน ฯลฯ
 

หน้าที่

เอามาจาก[บทความของคุณ Nost@lgia แห่ง Pantip.com](http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6966099/P6966099.html)

ผมเคยลองถามเพื่อนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นดูว่าที่นักการเมืองญี่ปุ่นโกงกันมั้ย?

คำตอบจากเพื่อนคือ ใช่ อเมริกาก็โกง อังกฤษก็โกง แค่เราไม่ได้อยู่ในสังคมนั้น เราก็เลยไม่รู้

จากคำตอบของเพื่อน ทำให้ผมเกินคำถามในใจว่า ทั้ง ๆ ที่ประเทศที่พัฒนาแล้วก็โกง แต่ทำไมประเทศที่กล่าวมาถึงเจริญกว่าไทยแบบสุดกู่

คำตอบที่ผมคิดได้คือ “คุณภาพของประชากรต่อหน่วย” มันต่างกันจนเทียบไม่ได้

ณ ตอนนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ว่าฝ่ายไหน ต่างใช้สิทธิกันเต็มที่ เพื่อชาติอันเป็นที่รักของตน ด้วยวิธีที่ตนเองเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

แต่ พวกท่านกำลังลืมไปว่า ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น ประชาชนไม่ได้มีแค่สิทธิ แต่ยังมี “หน้าที่” อยู่ด้วย

ผมเชื่อ 100% ว่า ทุกท่านที่ไปชุมนุมนั้น รักชาติรักแผ่นดินทุกคน

แต่ วิธีการของท่าน การใช้สิทธิอย่างเต็มที่โดยละเลยหน้าที่ตามบทบาทของท่าน เป็นการทำให้ชาติของพวกเรา พ้นวิกฤติ พ้นปัญหา ทำให้ชาติไม่ล่มจมจริงหรือ?

คน ที่เห็นว่ารัฐบาลเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดที่ทำให้ประเทศไม่พัฒนา และใช้สิทธิอย่างเต็มที่เพื่อขับไล่รัฐบาลนั้น ผมอยากทราบว่า ก่อนที่ท่านจะใช้สิทธิอย่างเต็มที่นั้น ท่านทุ่มเทให้กับหน้าที่ ที่ท่านมีอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง?

ขอยกตัวอย่างในอุดมคติซักเรื่อง เพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้น

หาก ทุกคนในชาติทำงาน อันเป็นหน้าที่ตามบทบาทของท่าน ให้หนักขึ้น หมอ ทุ่มเทเวลารักษา วิศวะกร ทุ่มเทเวลาและใจให้งานวิศวะกรรม โปรแกรมเมอร์ทุ่มเทให้กับการเขียนโปรแกรม ฯลฯ

เมื่อทุกคนในชาติ ทุ่มเทให้กับการทำงานของตัวเองมากขึ้น รายได้ของทุกคนก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อรายได้ทุกคนเพิ่มขึ้น อำนาจการใช้จ่ายของทุกคนก็จะเพิ่มขึ้น เมื่ออำนาจการใช้จ่ายของทุกคนก็จะเพิ่มขึ้น เงินในระบบเศรฐกิจก็จะหมุนเวียนเร็วขึ้น

และการที่ เงินในระบบเศรฐกิจก็จะหมุนเวียนเร็วขึ้น มันแปลว่า เศรฐกิจดีขึ้น ใช่หรือไม่?

ฉะนั้น การพูดว่าประเทศชาติย่อยยับนั้นเป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีนั้น

ถูกต้อง แต่ไม่ทั้งหมด นายกรัฐมนตรี อาจต้องรับผิดชอบมากหน่อย แต่ไม่ใช่รับผิดชอบทั้งหมด
เพราะความรับผิดชอบส่วนใหญ่มันไปตกอยู่ที่ “ประชาชนในชาติทุกคน”

ทั้งรัฐบาล ทั้ง พธม. ทั้ง นปช. ทั้งตำรวจ ทั้งทหาร ทั้งสมาชิก pantip และทุกคน มีส่วนรับผิดชอบกันทั้งหมด

ผมจำได้ว่าเคยอ่านนิยายเรื่อง ชีวิตรันทด เรื่องจริงผ่านคอม ของคุณ แอร์กี่ ใน pantip แห่งนี้ มีอยู่ตอนหนึ่งที่คุณแอร์กี่เล่าให้ฟังว่า

ใน เครื่องบินสมัยก่อน จะมีที่นังสูบบุหรี่ด้วย ซึ่งคนไทยที่สูบบุหรี่ จะซื้อตั๋วไม่สูบ แล้วถ้าอยากสูบจะไปนั่งสูบในโซนที่สูบได้ ในขณะที่คนญี่ปุ่นที่สูบบุหรี่ จะซื้อตั๋วที่นังสูบบุหรี่เลย

ตรงนี้ แสดงให้เห็นชัดมาก ๆ ถึงเรื่องการเคารพกฎของสังคม ความไม่เอาเปรียบสังคม ที่คนญี่ปุ่นมีแต่คนไทยไม่มี

ขอวกกลับมาที่ การตระหนักถึงหน้าที่ของคนในชาติ

การ ทำให้ประเทศไทยเจริญได้นั้น ผมมองว่า แค่คนไทยทุกคน ตระหนักในหน้าที่ของตัวเอง ตั้งใจทำงานที่เป็นอาชีพของตัวเองให้หนัก ให้อะไรแก่สังคม ถ้าให้ไม่ได้ อย่างน้อยก็อย่าเอาเปรียบสังคม เท่านี้ ประเทศชาติก็ไปรอดแล้วครับ

ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้จะบอกว่า รัฐบาลจะโกงก็ปล่อยให้มันโกงไป เราหลับหูหลับตาทำงานไปเหอะ แต่ต้องการจะบอกว่า ถ้ารัฐบาลโกง แล้วเราละเลยหน้าที่ของตัวเองเพื่อไปแสดงสิทธิในการขับไล่รัฐบาล ประเทศชาติมีแต่จะล่มจมเร็วขึ้น

ถ้าเราเห็นว่ารัฐบาลโกง แต่เราปกป้องชาติด้วยการทำหน้าที่ของเรา โดย เราสามารถทำให้รัฐบาลไม่มีสิทธิเข้ามายุ่งกับการบริหารประเทศได้ ด้วยหน้าที่หนึ่งในระบอบประชาธิปไตยที่ชื่อว่า “การเลือกตั้ง” ครับ

จากเหตุการณ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ ผมเห็นอุดมการความรักชาติและความมุ่งมั่นของคนไทยแล้ว ผมเห็นการอดทนเพื่อชาติของผู้ที่ไปชุมนุมแล้ว

ผม เชื่อมั่นครับ ว่าถ้าเพียงแต่ท่านใช้ความมุ่งมั่นความรักชาติของท่านให้ถูกวิธี ประเทศชาติของเรา ได้แซงหน้าญี่ปุ่นภายใน 50 ปีนี้แน่นอน….

นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผมที่เป็นนิสิตชั้นปีสี่คณะวิทยาศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยแห่งนึงนะครับ ผมอยากให้ทราบว่า นิสิตนักศึกษาที่ไปร่วมชุมนุมนั้น เป็นแค่ส่วนนึง ยังมีอีกหลายส่วนนะครับ ที่มีความเห็นแบบอื่นที่ไม่ใช่แบบที่ท่านเห็นในหน้าหนังสือพิมพ์ ความเห็นของผมดังที่แสดงไป ก็เป็นหนึ่งในความเห็นที่หลากหลายของนิสิตสถาบันที่ผมศึกษาอยู่

กรุณาอย่าเหมารวมนะครับ ผมขอร้อง