เพิ่งได้ iPod shuffle กับ BeyerDynamic DT-660 มาใช้ ก่อนซื้ออ่านมามากพอดูเอาว่ามาเล่าให้ฟังกันหน่อยถึงการเลือกหูฟัง หัวข้อง่้ายจัด…
เลือกอย่างไรให้ดัง
ถ้าเคยซื้อหูฟังดีๆ ที่ขนาดใหญ่ๆ หน่อย บางครั้งอาจจะพบว่าหูฟังที่เพิ่งซื้อมาหลายพัน ปรับเสียงดังจนสุดแล้ว ก็ยังแทบจะไม่ได้ยินอะไร พาลโทษเครื่องเล่น mp3 ตัวโปรดว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ หรือไม่ก็โทษว่าหูฟังไม่ดีเอาง่ายๆ
ในความเป็นจริงแล้วหูฟังจะเสียงดังได้พอที่เราจะฟังเพลงได้อย่างสุนทรีย์ มีตัวแปลหลักๆ อยู่สามตัว คือ พลังงานที่รับได้ ความต้านทานภายใน และความไวของไดอะเฟรม
พลังงานที่รับได้ เคยอ่านเจอเครื่องเสียงที่บอกว่าเท่านั้นเท่านี้วัตต์กันใช่ไหม เวลาอ่านสเปคหูฟัง ข้างกล่องก็มักจะมีบอกเลขวัตต์นี้ไว้เหมือนกัน ส่วนมากจะน้อยนิด อาจจะแค่ 0.1 วัตต์ หรือน้อยกว่านั้น ยิ่งตัวเลขตรงนี้เยอะ แสดงว่ามันรับพลังงานจากเครื่องได้มาก ทำให้มีโอกาสที่จะเปิดดังๆ ได้
ความต้านทานภายใน เป็นอีกตัวแปรหลักที่จะทำให้หูฟังราคาแพงที่เราซื้อมามันไม่เวิร์คกับเครื่องของเรา ใช้หลักการไฟฟ้าที่เรียนกันตอนปีหนึ่งปีสอง เรื่อง Maximum Power Transfer จะพบว่าถ้าเครื่องเล่นของคุณมีความต้านทานภายในไม่เท่ากับหูฟัง พลังงานที่เข้ามาในหูฟังจะลดลงแล้วเสียไปกลายเป็นความร้อนไปซะอย่างนั้น
เครื่องเล่นเพลงขนาดเล็กๆ ส่วนมากจะอยู่ที่ 32 โอล์ม ขณะที่เครื่องระดับใหญ่ๆ จะอยู่ที่ประมาณ 280 โอล์ม ที่บ้านเคยซื้อหูฟังมาคู่นึงมัน 600 โอล์มได้ ฟังเครื่องไหนก็แทบไม่ได้ยิน อย่างหนึ่งคือขนาดของหูฟังไม่ได้สัมพันธ์กับความต้านทานนี้ หูฟังขนาดเล็กๆ ที่ความต้านทานสูงๆ แม้จะหายาก แต่ก็พอมีอยู่ ส่วนหูฟังใหญ่ๆ ที่ความต้านทานต่ำนี่ ผมใช้อยู่ตัวนึง
ความไวของไดอะเฟรม เรื่องภาษาอังกฤษว่าค่า Sensitivity เป็นตัวบอกว่าเมื่อใส่พลังงานเข้าไปค่าหนึ่ง แล้วมันจะออกเสียงมาดังแค่ไหน โดยมากแล้วหูฟังขนาดเล็กๆ ที่ใช้ๆ กันมันจะอยู่ที่ 95-105dB ได้ แต่ถ้าหูฟังดีๆ หลายรุ่นมันจะไปอยู่ที่ 85dB ซึ่งหมายความว่าที่พลังงานเท่ากัน หูฟังพวกนี้มันแปลงพลังงานเป็นเสียงออกมาได้น้อย ต้องอัดพลังงานเข้าไปให้มันเยอะๆ ถึงจะดัง
ปล. ถ้าใครเห็นผมใช้หูฟังตัวใหม่กับเจ้า shuffle แล้วอย่าแปลกใจ เพราะมันเข้ากันได้ในทางเทคนิคเป็นอย่างดี