คำพูด

เธอยืนอยู่ที่ทางเท้าตรงนั้นมานานเท่าใหร่แล้วไม่มีใครรู้….

เมื่อชั่วโมงที่แล้วเธอเดินมาจากอีกฟากของถนนเหมือนคนกำลังรีบเร่งไปที่ไหนสักแห่งเช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่บนถนนสายนี้

แต่แล้วเธอก็หยุดเดินแล้วมองหันหลังกลับไปอย่างล่องลอย

…………

[เมื่อเช้านี้]

“โต้ ตื่นรึยัง” เสียงใสๆ ของเธอลอยมาตามเสียงโทรศัพท์ สองร้อยวันพอดีแล้วที่เธอถือเอาการปลุกชายหนุ่มในยามเช้าเป็นหน้าที่ของเธอ

“อืม ตื่นแล้วครับ” เจ้าของโทรศัพท์ตอบอย่างงัวเงีย

“เร็วๆ เข้าวันนี้ ปิง โทรมาสายแล้วนะ”

“อื้ม รู้แล้วๆ ไปอาบน้ำก่อนนะ” ชายหนุ่มตอบอย่างค่อนข้างห้วนแล้ววางสายไปโดยไม่รอคำตอบ

คุณรู้ไหม ว่าผู้ชายส่วนใหญ่ก็แปลกกันอย่างหนึ่ง ขณะที่อยากได้ความมั่นใจเป็นคำตอบจากปากหญิงสาวที่ตัวเองชอบ แต่เวลาการกระทำของตัวเองแล้วมักคิดว่าผู้หญิงจะอ่านความคิดของตัวเองออกอยู่เสมอๆ

[บ่ายวันเดียวกัน]

“เมื่อเช้า หงุดหงิดเหรอ เห็นเสียงไม่ดีเลย”ปิงถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“อืม ไม่มีอะไรหรอก แค่นอนไม่ค่อยพอน่ะ” โต้ ตอบคำถามด้วยเสียงเรียบๆ

“โกรธรึเปล่าที่ปิงโทรไปปลุกอ่ะ”

“ก็เปล่านะ แต่เมื่อเช้าแค่อยากตื่นสายอีกหน่อยน่ะ”

สีหน้าหญิงสาวหมองลงเล็กน้อย

“เอาหนังสือที่ปิงขอมาให้รึเปล่า”

“เอ้อ ลืมไปเลย ไว้วันหลังเอามาให้แล้วกันนะ”

“โต้ วันนี้โต้เป็นอะไรอ่ะ โต้ก็รู้นี่ว่าปิงต้องใช้หนังสือเล่มนั้นวันนี้”

“นี่ ใจเย็นๆ ได้มั๊ย เดี๋ยวโต้กลับบ้านไปเอามาให้เลยก็ได้”

“ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไร เดี๋ยวปิงไปหาเองก็ได้”

แล้วหญิงสาวก็เดินจากไป เธอเดินไปอย่างรีบเร่ง แล้วหยุดอยู่ตรงนั้น

………………….

หญิงสาวหยุดอยู่ตรงนั้นอยู่นานเท่าใหร่ไม่มีใครรู้ เธอเป็นจุดที่หยุดนิ่งท่ามกลางคลื่นมนุษย์ที่เดินไปข้างหน้าอย่างรีบเร่ง

…เหมือนเธอกำลังรอใครบางคน…

หลายชั่วโมงต่อมา เธอเดินช้าๆ ไปที่ข้างถนน เรียกแท็กซี่แล้วจากไปจากถนนแห่งนั้น

[สัปดาห์ต่อมา]

สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง โต้ เดินวนไปมาที่หน้าประตูใหญ่พร้อมกับชะเง้อไปมาเหมือนรอใครบางคน

แล้วปิงก็เดินออกมา……

“สวัสดี” ชายหนุ่มทักทาย

“อืม สวัสดี”

“โกรธ เราเหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“ไม่โกรธแล้วแหละ” หญิงสาวตอบด้วยเสียงราบเรียบ กลบเกลื่อนความสั่นเครือไว้ภายใน

“จริงๆ นะ แล้วทำไมไม่โทรมาหาเราบ้างเลยล่ะ เราโทรไปก็ไม่รับ”

“เราอย่าเจอกันอีกสักพักเถอะโต้”

“ทำไมล่ะ โต้ทำผิดขนาดนั้นเชียวเหรอ”

“โต้รู้มั๊ยว่าตลอดเวลาที่เราคบกัน โต้ไม่เคยขอบคุณปิงเลยที่โทรไปปลุก โต้รู้มั๊ยว่าปิงก็แค่อยากให้โต้เห็นความสำคัญของปิงบ้าง เท่านั้นเอง” เสียงหญิงสาวสั่นเครือ

“โต้ขอโทษนะ โต้เปลี่ยนได้นะ ปิงเชื่อสิว่าโต้จะเปลี่ยน”

“ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้วล่ะโต้ เราอย่าเจอกันสักพักเถอะ แล้ววันนึงเราคงกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกครั้ง”

แล้วหญิงสาวก็เดินจากไป….

ปล. โครงเรื่องจาก The Break Up

 

ซื่อสัตย์

ความซื่อสัตย์ เป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในผู้ชายไทยนะลูก… ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน
แม่นางเอกละครเมื่อกี้นี้

วันนี้นั่งคุยกับเพื่อนที่กำลังจะแต่งงาน เธอระบุตัวเลขน่าสนใจว่าเหล่าแฟนๆ ที่ควงๆ กันอยู่แล้วเลิกๆ กันไปนี่ ร้อยละ 80 เลิกกันเพราะมีใครสักคนนอกใจอีกคน รวมๆ กับร้อยละ 99 ที่เลิกกันเมื่อมีคนหนึ่งไปเรียนต่อนอก แสดงว่าที่ไปแล้วเลิกกันไปเองอีกร้อยละ 19

ปล. ตัวเลขผมว่ามั่วทั้ง 80 ทั้ง 99 น่ะนะ
ปล2. เพื่อนผมแต่งงานด้วยเหตุผลที่เท่ห์ที่สุดในโลกว่า “เธอกลัวมีลูกไม่ทันใช้”

 

เสียสละ

นานมาแล้วที่ผมคิดว่าการเสียสละนั้นเป็นเรื่องของวัตถุและเวลา

แน่นอนว่าการเสียสละด้านวัตถุนั้นเป็นเรื่องทั่วไป ที่ใครๆ ที่จะบอกกับตัวเองได้ว่าเป็นคนเสียสละนั้นก็ต้องเสีย ตัวผมเองเลยเพิ่มเรื่องเวลาลงไปอีกเรื่องให้บอกตัวเองได้เต็มที่อีกหน่อยว่าตัวเองพร้อมที่จะเสียสละมากกว่าคนอื่นๆ เขา

แต่ขณะที่ผมกำลังอ้างว่าตัวเองเป็นคนเสียสละ ที่พร้อมจะทุ่มเทได้แม้แต่เวลาที่ดูมีค่าเสียเหลือเกิน สุดท้ายแล้วผมก็ยังเรียกร้องความรู้สึกดีๆ เป็นการตอบแทนจากการกระทำที่ผมอ้างไปเองว่าเป็นการเสียสละนั้น

หลายๆ เรื่องสอนให้ผมรู้ว่าแท้จริงแล้ว สิ่งที่ผมอ้างนั้นมันไม่มีค่าอะไร เพราะสุดท้ายแล้วผมก็เป็นคนเห็นแก่ตัวอยู่ดี แม้สิ่งที่ผมเรียกร้องนั้นดูจะไม่มีตัวตน และวัดไม่ได้ในแง่มุมใดๆ ก็ตามที

ผมจะเอาเวลากี่ชั่วโมง กี่วัน กี่เดือน กี่ปี ไปวัดกับความรู้สึกที่ผมได้พรากไปจากคนอื่นๆ  ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยเพียงไรได้อย่างไรกัน ผมจะพูดได้หรือว่าสิ่งที่ผมเสียสละหากคนที่ได้รับอะไรจากผมไปยังคงติดค้างบางอย่างแม้จะเป็นสิ่งที่วัดไม่ได้นั้น

ผมเสียใจกับการเรียกร้องนั้น และหวังว่ามันคงไม่สายเกินไปที่จะแก้ไข

มันไม่สายเกินไปใช่ไหม….