ทุนนิยมนี่มันเหี้ยจริงๆ

 

ผมเดินไปตาม Marina Bay ในสิงคโปร์ จุดที่เป็นสัญลักษณ์แห่งทุนนิยมมหาศาลแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จุดที่ความโลภ วัตถุ และการพนันมาอยู่รวมกันในวงกลมเล็กๆ รอบแอ่งน้ำแห่งนี้

แสงไฟสาดไปตามเมือง เข้ากับเพลงจากวงออเครสตร้าที่ถูกจ้างมาบรรเลงอัดไว้ให้เข้ากับจังหวะของแสงไฟ

ไม่มีธรรมชาติ ไม่มีต้นไม้ ไม่มีความจริง

แม่น้ำที่ล้อมกรอบด้วยแนวตลิ่งคอนกรีต พื้นดินที่ถูกถมด้วยงานวิศวกรรรม และแสงไฟที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงมหาศาล

แต่นาทีหนึ่ง ผมรู้สึกว่ามันสงบและสวยงาม

เราจะเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าอะไร ความหลงไหลในทุนนิยม ความหลงไหลในวัตถุ หรือความสร้างสรรค์แห่งมนุษยชาติ

เราควรจะรังเกียจมัน เราควรจะด่าว่ามันว่ามันเป็นความเลวร้าย หรือเราควรจะหยุดความเกลียดที่สร้างมาแต่หนไหน แล้วมองความงามที่สร้างสรรค์โดยเพื่อนร่วมโลกของเราเองที่ทำงานอย่างหนัก แล้วมองความสร้างสรรค์นี้ด้วยความชื่นชม

เวลาผ่านไปห้านาที การแสดงจบลง

ผมสงสัยกับตัวเองว่าการนั่งเครื่องบิน ขึ้นรถไฟฟ้า มาดูแสงไฟ มันก็เป็นความงามไม่ต่างจากการลุยป่า เข้าดง เพื่อไปชมน้ำตกอย่างนั้นหรือ

ทุนนิยมนี่มันเหี้ยจริงๆ

 

Gotham ผิดอะไร

ในเรื่อง Batman ภาค Nolan เราได้พบกับการ “คืนความดี” ให้กับแบตแมนในท้ายที่สุด หลังจากต้องจมกับความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่ออยู่ถึงแปดปี

เมื่อดูเรื่องราวดำเนินไป เราอาจจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าถ้าเป็นเรา จะทนแบบแบตแมนได้หรือไม่ เราเริ่มรู้สึกเกลียดเมืองนี้ที่ช่างใจดำกับคนที่สละทุกอย่าง จมอยู่ในความผิด คนเมืองนี้ไม่เพียงเลือกที่จะลืมความดีที่แบตแมนเคยทำ แต่กลับไล่ล่าอย่าไงลดละ

แต่ในมุมหนึ่งหากเรามองกลับไป สิ่งที่ฮีโร่ทำคือการใส่ภาพอันเลวร้ายของตัวเองใส่ให้กับคนทั้งเมือง เขาเลือกเส้นทางนั้นเอง มันควรหรือที่เราจะเอามาตรความดีจากมุมที่เราอยู่ไปวัดมุมที่ชาวเมืองในเรื่องไม่มีวันได้รับรู้

ในภาพหากมองภาพเราเองเป็นผู้เสียสละ เป็นผู้รับความเลวร้ายเอาไว้

เราคงบอกมไม่ได้ว่ามันยุติธรรมสำหรับเรา

แต่เราก็คงไปบอกว่าคนอื่นเลวร้ายที่มองไม่เห็นความพยายามของเราที่จะรับความเลวร้ายไว้เช่นกัน

สำหรับแบตแมนแล้วก๊อตแธมผิดอะไร?

 

Les Misérables

ในช่วงปีที่ผ่านมาแนวทางการฟังเพลงผมเปลี่ยนไปมาก จากการฟังเพลงของดีสนีย์ และพบว่าเพลงหลักของเรื่องมู่หลานคือเพลง Reflection และพบว่าคนร้องเพลงนี้คือ Lea Salonga เมื่อตาม YouTube ไปเรื่อยๆ จึงพบว่าเธอดังมาจากวงการละครเวทีมาก่อน เรื่องแรกที่เธอเล่นคือ Miss Saigon โดยมันเลิกเล่นไปแล้ว แต่อีกเรื่องที่ดังระดับตำนานคือ Les Miserables ผมฟังเพลงจากเรื่องนี้ไม่หยุด จนจับพลัดจับผลูได้ไปลอนดอนเข้าจริงๆ แล้วหาโอกาสไปดูมันจนได้
ฉากหลักของ Les Misérables นั้นเป็นคือกบฎเดือนมิถุนายน เป็นกบฎเล็กๆ ที่มีคนเข้าร่วมเพียงสามพันคนเพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนการปกครองกลับไปเป็นสาธารณรัฐอีกครั้ง หลังจากที่ฝรั่งเศสถูกปกครองด้วยระบบสมบูรณาญาสิทธิราชแบบเสรีนิยม
ความเข้าใจคนไทยจำนวนมากคงเข้าใจกันผิดๆ ว่าประเทศที่ “เปลี่ยนเมื่อพร้อม” นั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในทันที ในความเป็นจริงแล้วแม้แต่ฝรั่งเศสเองทุกวันนี้ก็เป็นสาธารณรัฐที่ 5 การต่อสู้กันระหว่างฝ่ายนิยมกษัตริย์กับฝ่ายต้องการประชาธิปไตยในฝรั่งเศสนั้นต่างกันมากจนหาจุดร่วมไม่ได้ ผลกลายเป็นการสู้รบนองเลือด
ในเรื่อง Les Misérables นั้นด้วยกำลังคนที่ต่างจากฝ่ายรัฐบาลถึงสิบเท่าตัว เพียงสามวันกบฎก็ถูกปราบจนราบคาบ จำนวนผู้เสียชีวิตนั้นต่างกันไป บางแหล่งระบุว่าประชาชนตายไปถึง 800 คนในครั้งนั้น
ตัวนิยายเรื่องนี้เขียนโดย Victor Hugo ที่เป็นรอยัลลิสต์ และเปลี่ยนมุมมองทางการเมืองมาเป็นฝ่ายสาธารณรัฐในภายหลัง โดยมุมมองของเขาสะท้อนออกมาจากนิยยายที่เขาเขียน
เรื่องนี้กำลังเข้าเป็นหนังเพลงปลายปีนี้ ก็รอดูกันได้ เพลงทำใหม่น่าจะฟังง่ายกว่าในละครเวทีด้วย
 

Lonely Chat

คิดเล่นๆ ว่าถ้ามีโปรแกรมแชต ที่ไม่ใช้ข้อมูลของเราเลย

เปิดมาแล้วมีปุ่มเดียวคือ “เหงา” กดแล้วเซิร์ฟเวอร์จะจับคู่คนอื่นๆ ให้คุยกัน

ถ้าคุยแล้วถูกคอ ก็คุยกันไป ไม่มี profile ไม่มี contact มีแต่แชต ถ้าปิดแชตก็จบไป หรือถ้าคุยไม่มากพอก็กดปุ่มเหงาซ้ำไปเพื่อหาคนคุยเพิ่ม

ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร และเราก็ไม่รู้ว่าเราจะคุยกับใคร

ก็แค่มีคนมาคุยกัน