My tomorrow, Your yesterday

เพิ่งได้ดูในเครื่องบิน ทั้งที่เคยจะไปดูในโรง

  • พล็อตเรื่องค่อนข้างแปลกหน่อย (เวลาเดินทางสวนกัน) แต่องค์ประกอบก็หนังรักทั่วไป ที่บอกว่าสองคนเป็นคู่แท้แต่มีเวลาด้วยกันจำกัด จะป่วย จะลาจาก ฯลฯ แต่เนื้อเรื่องคือเวลามีจำกัดจะใช้มันยังไง
  • พล็อตเวลาเดินสวนกันทำให้คิดถึง Time Traveller’s Wife ที่เวลาสองคนเดินไม่ตรงกัน แต่เรื่องนี้ตรงไปตรงมากว่าคือสวนกันตรงๆ เลย คนนึงเดินหน้า คนนึงถอยหลัง
  • ทำให้เนื้อเรื่องไม่เน้นให้ความหวังอะไรอีก จบแล้วก็จบไป Time Traveller’s Wife ยังมีความหวังได้เจอกันอีก หรืออย่างกวนมึนโฮก็ทิ้งความหวังไว้ตอนท้าย
  • แอบสงสัยชีวิตทั้งสองคนอีก ในเมื่อรู้ว่าเป็นคู่กันไม่ได้แล้วจะมีชีวิตของตัวเองกันต่อไปไหม
  • วันที่ 1 ไม่สมเหตุสมผล เป็นวันสุดท้ายแต่ทำไมยอมจากกันแต่เช้า?
  • ฉากเดินผ่านหินข้ามแม่น้ำเล่นซ้ำไปมาเยอะเกิน ทั้งที่ดูไม่ได้สำคัญอะไร ไม่มีบทพูดด้วยซ้ำ
  • แล้วทำไมต้องเล่นตามบันทึก หลายเรื่องที่เป็นแนวเดียวกันมักบอกว่าตัวเอกได้พยายามนอกบทแล้วแต่ไม่สำเร็จ แต่เรื่องนี้พอบอกแค่ว่าไม่พอใจ แต่ไม่ได้พยายามทดลองออกนอกบันทึกอีก เหมือนยอมแพ้ไปเฉยๆ
  • เสื้อผ้านางเอกดูอลังการมาก เสื้อโค้ดโน่นนี่เต็มไปหมด
 

รถอัตโนมัติ

ต่อจากตอนเดิมอีกหน่อย เพราะเพิ่งเห็นทวีตของ Elon Musk

เลยนึกได้ว่าอีกข้อนึงที่รถอัตโมัติจะชนะคือมันจะถูกอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ต้องมีพวงมาลัยไม่ต้องมีหน้าจอแสดงข้อมูลสารพัด (ซึ่งเป็นต้นทุนผลิต)

เช่นเดียวกับรถไฟฟ้า Tesla ที่ทุกวันนี้ไม่มีเพลากลางห้องโดยสารเลยกว้างขึ้นมาก ถ้าพวงมาลัย, เบรก, คันเร่ง หายไป ห้องโดยสารจะกว้างกว่าเดิม ต้นทุนผลิต (ในระยะยาว) จะถูกลงมาก แม้ว่าตอนแรกจะแพงกว่า แบบเดียวกับ Tablet ที่ตอนแรกอาจจะแพง แต่ชิ้นส่วนน้อยกว่าก็กดราคากันลงไปได้เหลือไม่กี่พัน

 

2016

ผ่านมาครบปี คงเรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการพัฒนาตัวเอง (หลังจากเรื่อยๆ มาตั้งแต่เรียนโทจบ)

เรื่องที่ดีที่สุดคงเป็นการกลับมาท่องศัพท์จริงจังอีกรอบ หลังจากพบว่าศัพท์ในหัวน้อยเกินไป ท่องแบบไม่ใช่ deck สำเร็จรูป แต่เวลาเจอศัพท์ที่ไม่รู้ก็จด แล้วเอามาหา Google Dictionary แล้วยัดลง Anki นั่งท่องไปเรื่อยๆ

เปรี้ยวตั้งเพิ่มศัพท์ใหม่วันละ 20 คำ (อันนี้ใครอยากใช้ Anki ตามต้องเตือนเลยว่าวันละ 10 คำก็โหดแล้ว) ดูน้อยแต่ระบบทบไปเรือยๆ ของ Anki ทำให้เวลาท่องไปเรื่อยๆ จะเจอประมาณวันละ 120-150 คำ ถ้าวันไหนหยุดก็ทบจนระเบิด ตั้ง max ไว้ 200 ต้องมาเคลียร์ออกหลายวันกว่าจะหมด ทำได้อยู่นานแต่พอมาธันวาแล้วธาตุไฟแตก ทำไม่ได้อีกเลย แต่กลับมาอ่านหนังสืออีกทีก็เออ ต้องข้ามหรือหาศัพท์น้อยลงจริงๆ

ที่บ้านซื้อจักรยานนอนปั่น (จะได้อ่านหนังสือไปด้วย) มาหลายปี ปั่นอยู่เรื่อยๆ แต่ปีที่ผ่านมาไม่ได้ปั่นเลย เพราะหน้าจอวัดความเร็วเสีย พยายามซ่อมอยู่พักนึงแล้วยอมแพ้ สุดท้ายพบว่าซื้อเซ็นเซอร์ความเร็วจักรยานมาแปะๆ เอาก็ใช้ได้ กลับมาปั่นต่อไป

ปีนี้อ่านหนังสือเยอะขึ้น หลังจากอ่านน้อยลงมาหลายปีติด เพราะบังคับตัวเองอ่านภาษาอังกฤษ (ซึ่งทำให้อ่านช้าลงมากๆ) แต่เจองาน Bad Wolf เข้าไป ดูอาการแล้วอัตราการดองหนังสือจะแย่ลงเรื่อยๆ

สิ่งที่ล้มเหลวคือไม่ได้ออกงานวิจัยเลย (กราบขออภัยอาจารย์พฤษภ์) ไม่ได้เขียนหนังสือ (อย่าว่าแต่ออก เขียนยังไม่ได้เขียน) และเขียนบทความยาวน้อยเกินไป