serviceable

เรื่องหนึ่งที่ผมชอบมาใน ThinkPad แต่ไม่เคยได้เขียนถึงคืออุปกรณ์ของ ThinkPad นั้นออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าไปแก้ไขได้เองค่อนข้างมาก เช่นปุ่มถอด CD-ROM ที่ดึงออกมาได้โดยไม่ต้องใช้ไขควง หรือกระทั่งจะถอดโน่นถอนนี่ก็มีคู่มือมาให้แถมบนตัวเคสก็มีสัญลักษณ์บอกไว้ชัดเจน

พอดีวันก่อน EPSON CX2800 ของผมก็กลับบ้านเก่า ด้วยความที่หมดประกันแล้ว และคิดว่าปัญหาน่าจะมีแค่ฟิวส์ขาดเพียงเท่านั้นเพราะไฟไม่เข้าเลย เลยหยิบไขควงมาจะเปิดเอง

เลยได้รู้ว่าสำหรับพรินต์เตอร์ราคาถูกแล้ว ไขควงไม่ใช่อะไรที่พึ่งพาได้แม้แต่น้อย ด้วยความที่ต้องการลดต้นทุน EPSON ใช้สลักจำนวนมากมายที่คนไม่มีคู่มือช่างไม่มีทางเปิดเครื่องออกมาได้

เลวร้ายกว่านั้นคือ Power Supply นั้นไปอยู่ด้านในสุด ทำให้เวลาจะเปลี่ยนต้องถอดเครื่องออกมาทั้งหมด ซึ่งเดาได้เลยว่าถ้าผมถอดเองจะเกิดอาการ “ญี่ปุ่นทำเกิน” แน่ๆ

เลยต้องถอดใจแล้วเตรียมขับรถไป IT Mall

ประเด็นการซ่อมบำรุงโดยผู้ใช้เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับผม และเป็นประเด็นที่คงทำให้ผมไม่ได้จับ MacBook AIR ไปตลอดกาล (นอกจากจะได้ฟรี)

นอกเรื่องมาถึงโอเพนซอร์ส ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์แบบเดสก์ทอปประกอบเอง มันอาจจะไม่เท่ห์ มันอาจจะยุ่งยากไปบ้างเวลาติดตั้งและเริ่มใช้งาน แต่เรื่องสำคัญของมันคือเมื่อมีปัญหา หรือเมื่อต้องการแต่งเสริมสิ่งต่างๆ แล้ว “มันทำได้”

ผมติดตั้งเซิร์ฟเวอร์มาหลายเครื่อง ความต้องการคล้ายๆ กันคือผู้ใช้ไม่ต้องการจำรหัสผ่านเพิ่มเติมมากมาย น่าสนใจว่าด้วยโอเพนซอร์ส ผมทำให้ทุกโปรแกรมสามารถเชื่อมต่อผ่าน PAM เพื่อใช้รหัสเดียวกันทั้งเครื่องได้

และเวลาทำได้นี่มันสนุกดีไม่ใช่น้อยเลย

 

by my side

เรื่องราวของนิยายหนุ่มสาวกว่าครึ่ง มักจะเป็นเรื่องราวที่ทั้งสองต้องฝ่าฟันอะไรบางอย่างไปร่วมกัน ถ้าคนเขียนบทใจดีการฝ่าฟันนั้นก็จะสำเร็จ แล้วทั้งสองก็จะครองรักกันตลอดไป แต่ถ้าคนเขียนดุหน่อยก็อาจจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้ต่ออุปสรรค แล้วทั้งสองก็ไม่ได้ครองรักกัน

แต่เรื่องที่น่าสังเกตคือ ในนิยายนั้นคู่พระนางเข้ากันได้ และเคียงข้างกันฝ่าฟันปัญหาไปได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเป็นภาพยนตร์ คุณจะเห็นช่วงเวลาที่นางเอกกับพระเอกไม่ชอบหน้ากันไม่เกินครึ่งชั่วโมงเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่ความไม่ชอบหน้ากันนั้นจะเปลี่ยนเป็นความรักอย่างเดียวได้อย่างไม่น่าเชื่อในเวลาต่อมา

แน่นอนว่าโลกความเป็นจริงไม่ง่ายอย่างในหนัง และการเรียนรู้ที่จะเดินไปเคียงข้างกันก็ไม่ใช่อะไรที่ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง

กับเวลาที่เราชอบใครสักคน มันอาจจะง่ายที่เราจะบอกกับตัวเองว่าเราอยากจะปกป้องเขาหรือเธอจากสิ่งต่างๆ รอบข้างเราไม่ว่าจะเป็นการงาน คนรอบข้าง หรือจะเป็นสิ่งของเช่นรถสิบล้อที่จะพุ่งเข้ามาชนแฟนเราก็ตามที

เราอาจจะรู้ว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเสมอไป เราอาจจะตระหนักว่าอาจจะมีหลายๆ ครั้งที่เราจำเป็นต้องเลือกข้างระหว่างคนที่เรารักกับหลายๆ อย่างเช่น งานที่เราทำ คนที่เราเคารพ สิ่งที่เราชอบ ฯลฯ

เราอาจจะบอกว่าเราต้องดูเป็นกรณีไปว่าครั้งไหนใครเป็นฝ่ายถูก และเราจะเลือกที่จะยืนเคียงข้างคนรักของเรา หรือจะเลือกที่จะเปิดโอกาสให้เขาหรือเธอปรับปรุงตัว แต่น้อยครั้งนักที่ความถูกผิดจะเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างที่เราหวัง

คำถามคือในเวลาที่มันไม่ชัดเจนอย่างนั้น เราพร้อมหรือไม่ที่จะยืนอยู่ข้างคนที่เรารัก เราพร้อมที่จะสนับสนุนการตัดสินใจของเขาหรือไม่ เราเต็มใจที่จะทำเช่นนั้นจริงๆ หรือ?

 

หน่วยสนับสนุนการศึกษา

หน้าที่คุณคือสนับสนุนนะครับ กรุณาอย่าทำตัวเรื่องมาก อย่าคิดว่าตัวเองใหญ่ คุณไม่ใช่คนที่จะกำหนดมาตรฐานการศึกษา ตรงนั้นเค้ามีคนทำหน้าที่อยู่แล้ว

ทำอะไรคิดหน่อยว่าจะทำยังไงให้การศึกษาไทยมันดีขึ้น ย่อหน้าผิดไปสามมิลลิเมตรเนี่ยการศึกษาไทยมันไม่เจริญขึ้นมาหรอก

เบื่อพวกทำงานงี่เง่า