sonize

CD from Sonize

เมื่อเดือนที่แล้วเห็นประกาศว่าทาง Sony Music จะลดราคาแผ่นครั้งใหญ่ก็เตรียมตัวไว้ว่าจะไปซื้อ เพราะส่ง Thesis ภายในเดือนที่แล้ว

ปรากฏว่าเรื่องราวไม่เคยจบได้อย่างที่หวัง ยังมีการแก้ไข อื่นๆ อีกเป็นระยะ จนต้องเข้าไปทั้ง อังคาร พุธ และ พฤหัสที่นัดรุ่นน้องไว้ไปเที่ยวกัน กว่าจะเสร็จจริงๆ เล่นเอาเลยเวลานัดไปครึ่งชั่วโมง

ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะเล่า แต่ก็ทำให้ผมลืมไปแล้วว่ามีซีดีลดราคา จนกระทั่งวันก่อนนั่งบ่นใน twitter ว่าไม่ได้ไปร้านคิโนะคุนิยะมานานแล้ว ล่าสุดซื้อ Jurassic Park กับ Rising Sun มาจนเล่มหลังกำลังจะอ่านจบ ก็ได้ฤกษ์เดินทาง เพราะต้องไปธุระพระรามสี่อยู่แล้ว

เดินคะโนะจนกระทั่งหมดตัวไปก้อนหนึ่งแล้วก็นึกได้ว่า Sonize มันอยู่ตรงข้ามนี่หว่า

ปรากฏว่าเสียเงินหนักกว่าคิโนะ

แต่คุ้มมาก ตอนนี้เองกำลังพิมพ์ไปฟัง Star War Episode II ไป ซื้อเต็มๆ คง 500 แต่ได้มา 100 เดียว

 

Solved Problem

สมัยผมเรียนปีสองในวิชา Discrete Mathematics นั้นโจทย์ข้อหนึ่งคือการพิสูจน์ว่าเกมที่อาจารย์กำหนดกติกามาให้นั้นเป็น [Solved Game](http://en.wikipedia.org/wiki/Solved_board_games)

Solved Game เป็นกลุ่มของเกม (โดยทั่วไปแล้วเล่นสองคน) ว่าเราสามารถรู้ผลได้ทันทีที่เริ่มเล่น หรืออาจจะก่อนหน้านั้นซะอีก หากผู้เล่นพยายามเล่นเพื่อให้ได้ผลดีที่สุดที่เป็นไปได้ (พยายามจะชนะนั่นแหละ)

แน่นอนว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะเล่นเกมเหล่านี้ หากเราต้องการผลที่ต่างออก

ตัวอย่างเกมแบบนี้คือ O-X ที่เราหลายๆ คนคงรู้ว่าถ้าเล่นดีๆ มันมีแต่จะเสมอเท่านั้น

ชีวิตคนเราเองก็มีปัญหาหลายๆ อย่างที่ถูกแก้ไปแล้วโดยเราไม่รู้ตัว เราอาจจะไม่ต้องเครียดกับผลของมันอีกต่อไป เพราะผลของการกระทำไม่ได้เปลี่ยนไป

เราแค่ต้องถอยออกมาแล้วถามตัวเองว่าเมื่อกมจบลง เราจะเป็นอย่างไรต่อไป

 

Don’t be a zealot.

จากเหตุการณ์ช่วงนี้ เป็นเรื่องที่ผมคาดคิดไว้อยู่แล้วว่าเมื่อ Blognone คนมากขึ้นมันต้องเจอเข้าแน่ๆ แต่ไม่ถึงเวลามันก็นึกกันไม่ออก เลยมารวมรวบไอเดียเอาไว้ เนื่องจากยังไม่ได้เรียบเรียง เลยลุยเป็นข้อๆ ไปล่ะกัน

– ไม่แปลกเลยที่ใครจะชอบหรือไม่ชอบอะไร ผมลำเอียงเสมอ เข้าข้าง ThinkPad อย่างเห็นได้ชัด และมีแง่ลบกับปชป. อยู่
– ปัญหาสำคัญคือพวกขี้น้อยใจ เชื่อผมเถอะ ไม่ว่าจาวา ไมโครซอฟท์ แอปเปิล ฯลฯ เค้าไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรหรอกที่มีคนมาช่วยน้อยใจ บริษัทมันขายของได้มีกำไรก็แบ่งผู้ถือหุ้นไป ง่ายๆ อย่างนั้น
– Blognone เป็นเว็บไอที Apple, ThinkPad ฯลฯ __ไม่ใช่ความเชื่อ__ ไม่ใช่ศาสนา ไม่มีศาสดา ไม่มีซาตาน หลบหลู่ได้ ไม่บาป
– ถ้าเรียนบริหารมาบ้าง คงรู้จักกับ SWOT Analysis ถ้ารักชอบอะไรต้องยอมรับว่าของแต่ละอย่างมันมี Weakness ในตัวมัน ป่วยการที่จะไปไล่บอกชาวบ้านว่าอย่าพูดถึง Weakness
– ว่าง่ายๆ เวลาเจอจุดอ่อน เงียบไว้ได้ ไม่มีใครว่า การไปไล่จี้คนอื่นมาตอบความเห็นตัวเองเป็นอาชญากรรมใน Blognone
– เวลาดีช่วยกันชมเข้าไปก็ได้อีกไม่ว่ากัน +1 ได้บวกไป +10 หรือ +1000 ดูเหมือนเด็กตอบสำหรับผม การบวกเลขมากๆ แสดงความเห็นด้วยมากๆ จะชวนให้ผมรู้สึกว่าความเห็นนั้นน่าจะไม่น่าอ่าน
– ใช้อยู่ก็ติได้ ไม่ใช้ก็ติได้อยู่ดี มันมีเรื่องให้ติเลยไม่ใช้แปลกตรงไหน (ว่ะ)
– ห่วยมากเกินอย่าใช้ ไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่าให้ทนต่อไป ทนไม่ได้เปิดบริษัทสร้างสินค้าเองเลย
– ไม่มีงบเลยไม่ใช้ก็ไม่แปลก ต่อให้เงินเดือนเดือนละล้านก็คงไม่ซื้อตัว Top ทุกยี่ห้อมาเผาเงินเล่น มีเงินเดือนเดือนละล้านผมใช้ R61 แล้วสร้างบ้านหรูๆ อยู่ดี
– คนดูถูกคนอื่นด้วยความจนเป็นคนชั้นต่ำในสายตาผม
– แบรนด์เป็นข้อดี ใช้แล้วดูดีเป็นข้อดี เห็นด้วยเสมอ แต่ประเภทดูดีแล้วรู้สึกว่ามันทนอันนี้เริ่มเป็นความเชื่อ ไม่มีไวรัส ไม่แฮงค์ อันนี้มั่ว ควรตั้งสติก่อนจะเชื่อว่าใช้แล้วบินได้
– เชื่อเถิดว่าไม่มีสินค้าใดสมบูรณ์ ถ้ามีแล้วจีนแดงลอกได้ บริษัทในอเมริกาคงเจ๊งกันหมด
– เพราะฉะนั้นมันจะมีคนติ มันจะมีคนด่า บริษัทมันถึงต้องมี wishlist ให้คนขอการปรับปรุง
– แพงก็เป็นข้อเสีย ไม่แปลกที่มันจะโดนติเพราะมันแพง กาแฟในม. ผม 40 บาทผมก็ติทุกวัน ปากซอยบ้านผม 25 บาทอร่อยไม่ต่างกัน

ผมไม่ใช่คนพุทธ ผมไม่เชื่อว่าคนเราควรละจาก “อารมณ์” สำหรับผมแล้ว “โกรธคือโกรธ โมโหคือโมโห” โกรธได้ โมโหได้ แต่ตำถามคือเราใช้มันเป็นแรงผลักดันอะไร? ประเภทว่า “อัดมันกลับไป” อย่างนี้มันไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ถ้าคิดอะไรมากกว่านั้นอีกขั้น ใช้แรงจากอารมณ์ตอนนั้นในเชิงบวก ตอบโต้ด้วยข้อมูลและการ contribute ในด้านที่เราสนับสนุ

ผมเชื่อว่ามันจะทำให้โลกดีกว่านี้

 

Self Motivated

Self Motivated เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ตามประกาศสมัครงานทั้งหลาย

ผมเคยสงสัยมาตลอดว่าจะใส่ไว้ทำไม?… ด้วยความคิดว่าถ้าคนๆ หนึ่งไม่ motivated ในการทำงานแล้ว อาจจะหมายความได้ว่าเขาไม่เหมาะกับงานนั้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรียนตามเพื่อน หรือแค่อยากเรียนโดยไม่ได้อยากทำงานในสายงานนั้นๆ

แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาสอนผมหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เราจะขาดแรงบันดาลใจไปเสียทุกอย่าง เราอาจจะทำหลายๆ อย่างได้ดี ยังคงมีความรับผิดชอบกับงานนั้นๆ แต่เรากลับขาดแรงบันดาลใจ

การขาดแรงบันดาลใจไม่ได้หมายถึงการที่คนๆ หนึ่งจะทำงานนั้นๆ ไม่ได้ เขาทำได้ และหลายๆ ครั้งก็ทำได้ดี (มาก) แต่เขาไม่มีแรงกระตุ้นที่จะทำงานนั้นให้ดีกว่าเดิม หรือทำงานให้เกินกว่าที่ได้รับมอบหมายอีกต่อไป

และเรื่องอะไรๆ ที่ควรจะง่ายมันก็ยากกว่าที่คิด