กับรูปแบบของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ค่านิยมในวันนี้คงเป็นเรื่องของความเก่งกาจของตัวบุคคล ที่แต่ละคนมุ่งหน้าที่จะแสดงตัวว่าสามารถดำเนินชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นๆ แต่อย่างใด
เราพยายามพึ่งพาตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ เรา “ไหว้วาน” คนอื่นน้อยลง แต่ในเวลาเดียวกันนั้น แรงปรารถนาภายในของเราก็เรียกร้องตลอดเวลาว่าเราอยากวางภาระและความกังวลใจบางส่วนไว้กับใครอีกคน
ความขัดแย้งเช่นนี้ยังคงดูไม่มีวันจบสิ้นกับสังคมที่ดูซับซ้อนขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด เรายังคงยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ต่อเมื่อเราได้ตอบแทนความช่วยเหลือบางอย่างที่ดูเท่าเทียมกัน
แต่ในใจเราก็ตั้งคำถามต่อไป ว่าจะมีใครไหมที่ยอมทำบางอย่างให้เราโดยไม่ได้ต้องการอะไร
ถ้าทำบ้างอย่างให้ใครสักคนโดยไม่ได้ต้องการอะไร..
.. ถ้าไม่ได้ต้องการอะไร.. จากเรา.. ก็น่าจะมี เช่นพ่อแม่ ที่ไม่ได้ต้องการอะไรจากเรา แต่ต้องการให้เราได้อะไรบางอย่าง
ในเรื่อง
ณ จังหวะที่ให้ อาจไม่ได้คิดอะไร
แต่เชื่อเถอะ ถ้าถึงจังหวะที่เป็นฝ่ายต้องการการ support ไม่ว่าจะเค้าหรือเรา
คาดหวังจะได้รับกลับคืนทั้งนั้น
เพราะอย่างน้อยที่สุด เขา/เรา ก็เคยเริ่มเป็นฝ่ายที่จะให้ก่อน
——————
นอกเรื่อง
ถ้าลองสังเกต ในบางโอกาสจะพบว่า
หลายๆ วงการในบ้านเรา ไม่มีพัฒนาการ
หนึ่งในหลายๆ สาเหตุ นั่นก็คือ คนไทยทำงานเป็นทีมไม่ค่อยเป็น
ส่วนใหญ่เรามุ่งเน้นไปที่ความสามารถเฉพาะตัว
แต่ลืมไปว่าบางที แค่ตัวเราเองคนเดียว มันไม่พอ