ในฐานะวิศวกร สิ่งหนึ่งที่ผมเริ่มทำทันทีเมื่อพบปัญหาต่างๆ คือการหาทางออกที่ให้ผลประโยชน์สูงสุดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการขับรถให้ใกล้ที่สุด เร็วที่สุด ประหยัดที่สุด หรือจะเป็นการใช้ชีวิตโดยหาเส้นทางที่ดีที่สุด ให้ผลตอบแทนต่างๆ สูงสุด
แต่อีกหลายครั้งเช่นกัน ทั้งที่รับรู้ถึงทางออกที่ดีเหล่านั้น ผมกลับเลือกเส้นทางอื่นๆ ที่ต่างออกไป
หลายๆ ครั้งอีกนั่นแหละ ที่ผมกลับเลือกเส้นทางที่ดูไม่ดี เส้นทางลำบาก และเส้นทางที่ดูไร้สาระ
ชีวิตที่ไม่ได้ยาวนานสอนเราได้เรื่องหนึ่ง คือการเดินในเส้นทางที่ “ถูกที่สุด” ตลอดเวลา ไม่ใช่สิ่งที่ “ดีที่สุด” สำหรับชีวิตของเราเสมอไป หลายครั้งแล้วเราสามารถเลือกเส้นทางที่แย่กว่า ยากกว่า และแพงกว่า เส้นทางที่ไม่ว่า พ่อแม่พี่น้อง หรือญาติมิตรต่างๆ จะไม่มีทางเห็นดีเห็นงามกับเราไปตลอดชีวิต แต่เราก็ยังคงเลือกเส้นทางนั้น
การเลือกไม่ได้ให้ผลที่เป็นสุขเหมือนในละครทุกครั้งไป ตรงข้าม การเลือกอย่างไร้ตรรกะเช่นนี้ มักนำมาซึ่งความลำบากอย่างที่คนรอบข้างเราเตือนไว้อย่างไม่ผิดเพี๊ยนเสมอๆ เรามักจะได้รับความเจ็บปวดจากการเลือกนั้นด้วยตัวของเราเอง แต่ก็นั่นแหละ เมื่อวันรุ่งขึ้นผ่านเข้ามา สิ่งที่เราเลือกมากมายก็เข้ามาถามเส้นทางชีวิตของเราอีกครั้ง
ความเจ็บปวดจากการเลือกเส้นทางที่ผิด ไม่ใช่สิ่งเดียวที่เราได้จากการเลือกในเส้นทางที่เรา “มีใจ” ให้กับมัน แม้เราจะต้องรับผิดชอบกับการเลือกเส้นทางที่ผิดเหล่านั้น เรากลับมีความภูมิใจอยู่ลึกๆ ว่าเราได้เลือกในเส้นทางที่เราตั้งใจไว้ ตรงข้ามกับความสำเร็จที่มาจากการเพ่งมองตรรกะ ที่เราต้องทนกับการตอบคำถามตัวเองอยู่ทุกวันที่ผ่านไป ว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้ามวันนัั้นทำตามหัวใจของเราเอง
เมื่อเดินมาถึงสุดทางอันยาวไกล มีสองประตูอยู่ตรงหน้าเรา ประตูหนึี่งติดป้ายว่า “เส้นชัย” แน่นอนมันคือจุดหมายปลายทางที่เราเดินทางมาหามันโดยตลอด แต่อีกประดูหนึ่งที่เป็นเพียงประตูโดยไม่มีป้ายอะไรบอกกล่าวว่าอะไรอยู่ข้างหลังมันเล่า
คุณไม่อยากรู้หรือว่ามันจะพาคุณไปไหน….
ลองถามหัวใจของคุณเองแล้วกัน
หลายคนเลือกทางเดินของตัวเองซึ่งคนนอกยากที่จะเข้าใจว่าในที่สุดแล้วนั้นคือผลลัพท์ที่เขาต้องการหรือเป็นเพียงการยอมรับผลแห่งการกระทำของตน