แมตซ์ทีสร้างชื่อให้วิทยา เลาหกุล โด่งดังไปทั่วโลกที่สุดและเป็นเรื่องตลกขบขันของคนทั้งโลก คือ แมตซ์ที่เขาคุมทีมชาติไทยเจอกับทีมชาติอินโดนีเซียในทัวนาเม้นต์ ไทเกอร์คัพ ปี1988 รอบแรก ซึ่งทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของวิทยา เลาหกุล กับ ถิรชัย วุฒิธรรมผู้จัดการทีม ไม่ต้องเข้ารอบเป็นที่ 1 ของสายA ในตอนนั้น เพราะต้องไปเจอที่ 2 ของสายB นั้นคือเจ้าภาพเวียดนามซึ่งทางอินโดนีเซียก ็ไม่ต้องการเอาชนะเช่นกัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีความประสงค์จะยิงเข้าประตูตัวเองด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งทางวิทยา เลาหกุลได้ให้สัมพาษณ์ทางโทรศัพท์ออกอากาศทางสถานีวิทยุคลื่นหนึ่งในเมืองไทยส่งตรงจากเวียดนามว ่า “เราไม่ต้องการเล่นเพื่อชนะเพื่อไปเจ้าภาพ เพราะจะทำให้เราป้องกันแชมป์ไทเกอร์คัพได้ลำบาก การเข้ารอบเป็นที่ 2 ของสายจะทำให้ไทยเราเล่นสบายขึ้น เพราะเราจะเจอกับสิงคโปรซึ่งเป็นงานไม่หนัก ” จึงเป็นเหตุผลให้วิทยา เลาหกุล สั่งลูกทีมในสนามเล่นไม่ให้ชนะ
และในที่สุดทีมชาติไทยชนะไปด้วย สกอร์ 3-2 จากการยิงประตูชัยของกองหลังอินโดนีเซีย Mursyid Effendi ยิงเข้าประตูตัวเองไป ซึ่งวรวุฒิ ศรีมะฆะ กองหน้าของไทยสกัดการยิงเข้าประตูตัวเองของอินโดนีเซียไม่ทัน ทำให้ไทยเราชนะไป 3-2 ซึ่งสื่อมวลชนในประเทศไทยเรียกแมตซ์นี้ว่าแมตซ์อัปยศ
ที่มา – Wikipedia
ผมไม่ค่อยดูบอล เพิ่งรู้ว่ามีอะไรอย่างนี้ด้วย
“กองหน้าของไทยสกัดการยิงเข้าประตูตัวเองของอินโดนีเซียไม่ทัน” ฮ่าๆๆๆ ขำจนปวดท้อง
ใน wiki มันพิมพ์ผิด ต้องปี 98 แมตช์นั้นก็ดูอยู่เหมือนกัน ทุเรศจริงๆ
ดีแล้วที่ไม่ดู แมตช์ันั้นมันทุเรศ อัปยศ น่าเกลียดที่สุด
ยังคิดอยู่ว่าน่าจะมีการรื้อเอามาทำเป็นคดีความกันให้จะๆ ไปเลย
ต้องไปอยู่ที่สยามครับถึงจะรู้ว่าทำไมโค้๙เฮงทำแบบนั้น
ชาวเวียดนามคลั่งฟุตบอลเอามากๆ ครับ เหมือนพวกแฟนบอล
แถบยุโรปหรืออเมริกาใต้ทีเดียว เพียงแต่ทีมของชติเขาเอง
มตารฐานยังน้อยอยู่ ถ้าลองต่ออีกหน่อยที่ แมทช์ ถัดไป
ที่เราแข่งกับเวียดนาม นักเตะ แทบไม่อยากแข่งครับเพราะ
กลัวอันตราย จากแฟนบอล ท่านที่ไม่ไปอยุ่ที่นั่นไม่รุ้หรอกครับ
ว่าน่ากลัวขนาดไหน ผมเคารพการตัดสินใจของโคชเฮงครับ
แผนเราไม่ได้น่าเกลียดมากครับ แต่ คนทำลาย แมทช์ มันอีกทีมครับ
ที่เล่นยิงเข้าประตูตัวเองดื้อๆ ขนาดนั้น
ปล. หากใครว่านักฟุตบอลเราขี้ขลาด เราขอให้นึกนิดนึงครับ
ว่าเราไปเล่นบอลครับไม่ได้ไปรบจะได้เตรียมตัวเตรียมใจขนาดนั้น
ทีมชาติเยอรมันกับออสเตรีย สิบนาทีแรกเยอรมันยิงออสเตรียได้ 1-0 หลังจากนั้นแปดสิบนาที
ก็ไม่ทำอะไรกันเลย ส่งบอลไปมาแล้วกอดคอกันเข้ารอบ ส่วนอีกคู่ที่แข่งไปก่อนหน้านั้น กอดคอกันตกรอบ ฟีฟ่าเลยต้องออกกฎให้นัดสุดท้ายต้องแข่งพร้อมกัน
เรื่องอย่างนี้มีกันทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะของฟุตบอลไทย
ล้มบอล ล้มบอล ล้มบอล
แมทช์นี้ผมได้ดู ผมว่าน่าเกลียดกันทั้งสองฝ่ายเลย
เราเล่นกีฬาเพราะต้องการชนะ มากกว่าเล่นเพราะความสนุกและความท้าทายกันแล้ว