พอดีได้ไปสัมผัสงานด้านการตลาดอยู่พักใหญ่ๆ มีคำหนึ่งที่ใช้กันมากในวงการนี้คือ ความเหนือระดับ ถ้าได้ดูโฆษณาทีวีแล้วสังเกตดีๆ ก็จะพบว่ามีคำนี้แทรกอยู่เรื่อยๆ และเมื่อมองย้อนกลับไป คุณอาจจะแปลกใจว่าในความคิดที่อยากให้โลกมีความเท่าเทียมกันนั้น มุมหนึ่งของจิตใจเราอยากได้รับความเหนือระดับที่ว่านี้อยู่เรื่อยๆ
เคยมีเพื่อนคนหนึ่งบอกกับผมว่า เขาไม่ยอมเปิดเผยรายได้ของเขาให้เืพื่อนคนอื่นๆ รับรู้ ไม่ใช่ว่าเขาต้องการเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นเรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด แต่กลับเป็นเพราะหลายครั้งที่เพื่อนของเขารู้ว่ารายได้ของเขาสูงกว่า ความทุกข์ใจก็มักจะท่วมจิตใจของเพื่อนของเขาอย่างช่วยไม่ได้
ความอิจฉา และการไขว่คว้ามาซึ่งการเหนือกว่านี่เอง อาจจะเป็นแรกผลักดันให้เราพยายามก้าวไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง เราอาจจะพยายามทำงานให้ดีขึ้น เพื่อให้ตำแหน่งการงานก้าวหน้าไปได้ไกลกว่าคนอื่นๆ เราอาจจะอดออมมากขึ้น เพื่อให้มีเงินเก็บมากกว่า
แต่แม้จะมีข้อดี ผมอดจะรังเกียจความปรารถนาเช่นนี้ในตัวเองไม่ได้ เมื่อความแรงผลักดันที่ต้องการก้าวไปข้างหน้าให้ไกลกว่า สร้างความพึงพอใจเมื่อตัวผมได้ยืนอยู่ในจุดที่เหนือกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพราะการทุ่มเทแรงกายและใจของผมเอง หรือจะเป็นความผิดพลาดของคนอื่นที่ทำให้เขาถอยหลังไป
เรื่องที่แย่ที่สุดของความปรารถนาที่จะเหนือคนอื่นคือการที่เราลืมความเป็นตัวเองไปเสียสิ้น ขณะที่เรามีความฝันมากมาย แต่เรากลับเสียเวลาไปกับความเหนือระดับจำนวนมหาศาลไม่ว่าจะเป็นเกรด เงินเดือน รถ เสื้อผ้า ตำแหน่งการงาน อำนาจ ฯลฯ
มันจะเป็นไปได้ไหม ที่คนๆ หนึ่งจะเป็นตัวของตัวเองอย่างเหนือระดับ เป็นไปได้ไหมที่คนๆ หนึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับตัวเองในความรู้สึกที่เหนือกว่า แต่ไม่สูญเสียความเป็นตัวตนของเขาไป
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมได้แต่ตั้งคำถามโดยไม่มีคำตอบ
ทางสายกลางครับ
โดนใจมากพี่
แต่ก็สงสัยเหมือนกันว่าพี่ไปเจอเรื่องอะไรมาอ่ะ
อยู่ๆถึงได้เขียนเอ็นทรี่นี้ขึ้นมา ?
นัทว่า เพราะแบบนี้
คนเราเลยเริ่มสร้างโลกส่วนตัวมากขึ้น
หลงเข้าไปอยู่ในโลกของจินตนาการ
โลกของนิยาย วรรณกรรม การ์ตูน
เพราะในโลกที่เราสร้างนั้น
เราก็จะจินตนาการให้มีความเหนือระดับตราบเท่าที่เราต้องการและพึงพอใจได้
เพราะดูเหมือน “จินตนาการ” จะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติมอบให้กับสมองของมนุษย์
เพื่อหลีกหนีให้กับความล้มเหลวในการที่จะทำให้ตัวเองมีความเหนือระดับได้
แบบนี้นี่เอง ..
:)
แต่มองกลับอีกมุม
ความเหนือระดับนั้น มันก็ย่อมต้องแลกมาด้วยอะไรต่างๆมากมาย
อย่างเช่น ความเครียด ความจอมปลอม ความอันตราย บลาๆ …
แล้วแต่จะคิด แต่นัทว่า ความเหนือระดับจริงๆ เหนือในทุกๆด้าน
มันไม่มีหรอก เพราะงั้น คนเราถึงยังอยู่ได้ เมื่อเราหาด้านอื่นที่เหนือระดับกว่าเจอ
พระท่านว่าให้ใจ(เรา)อยู่เหนือตัว(เอง)
คุณอาจจะเหนือระดับโดยยังเป็นตัวของตัวเองอยู่ก็ได้ แต่นั่นอาจจะแปลว่าตัวของคุณเอง (ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ คืออะไรก็ไม่รู้) เต็มไปด้วย “แรงผลักดันที่ต้องการก้าวไปข้างหน้าให้ไกลกว่า สร้างความพึงพอใจเมื่อตัวผมได้ยืนอยู่ในจุดที่เหนือกว่าคนอื่น”
ผมคิดว่า คนที่เป็นตัวของตนเอง คงไม่สนใจความเหนือระดับเท่าไหร่
แต่คนที่เป็นตัวของตนเองจริง ๆ คงไม่มี