วันนี้นั่งลองคิดๆ ดูความจริงข้อหนึ่งคือ
ผมยอมลดเงินเดือนตัวเองไปสัก 20-30 เปอร์เซนต์ถ้าทำงานที่บ้านได้
ทำไมในโลกที่วันนี้ค่าเน็ต 1 เมกกะบิตต่อวินาทีเดือนละพัน (น่าจะพอสำหรับ Video Conference แล้วนะ) เรายังต้องไปทำงานให้เปลืองน้ำมันรถ เปลืองค่าเช่าสำนักงาน และเปลืองค่าข้าวแถวออฟฟิศที่่แพงมหาศาลกันอีก?
ผมว่าถ้าอยู่กับบ้านแล้ว ความขี้เกียจจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% นะครับ
เพราะเราไม่ได้ออกจากบ้านไปที่ทำงานเพื่อทำงานอย่างเดียวไง
เพราะการทำงานอยู่บ้าน ไม่มีบรรยากาศการทำงานร่วมกัน ระหว่างคนงาน เอ้ย พนักงานไงครับ
ทำงานที่บ้านต้องเพิ่มความรับผิดชอบในตัวเองมากขึ้น เพราะไม่มีใครมาคอยจ้องเรา เราต้องดูแลตัวเอง
ผมทำงานที่บ้านมาประมาณ 6 ปีแล้ว รายได้น้อย แต่มีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข(ตามอัตภาพของตัวเอง).
อยู่บ้านแล้วมันไม่ได้บรรยากาศของการทำงาน
แถมยังมีสิ่งทำให้วอกแวกได้เยอะแยะ
ทำงานอยู่ก็ล้มตัวห่มผ้านอนก็ไม่มีคนเห็น
ก็มีบ่อย เวลาลูกกวน ทำให้ไม่มีสมาธิในการเขียนโปรแกรม ต้องตัดใจไปเล่นกับลูกเสียเลย แล้วค่อยทำงานที่ต้องใช้สมาธิตอนกลางคืน.
อยู่บ้านเครียดกว่าอ่ะ
ไปที่ทำงานมีคนช่วยเครียดแล้วมันจะเครียดน้อยลง
เกี่ยวมั้ย
คิดกลับกัน …
หากทุกคนอยู่บ้าน
ไม่ต้องเปลืองค่าน้ำมันก็จริง
แต่ชีวิตของคนที่ทำงานพวกรถรับจ้างล่ะ? มอเตอร์ไซด์วินล่ะ? ขสมก.ล่ะ? แท็กซี่ล่ะ?
เขาเหล่านั้นจะมีเงินซื้อคอมฯ มีความรู้ .. เพื่อทำงานอยู่ที่บ้านด้วยเหรอ?
ไม่เปลืองค่าเข่าสำนักงานก็จริง
แต่ชีวิตของแม่บ้านที่ทำความสะอาดสำนักงานล่ะ ?
(จ้างเป็นคนรับใช้ที่บ้านแทนรึป่าว?)
ไม่เปลืองค่าข้าวแถวออฟฟิศที่แพงมหาศาลก็จริง
…
..
.
อันนี้ก็ทำกับข้าวที่บ้านกินเอง
ดีต่อสุขภาพ …
(เอ้ะ? พิมพ์ๆมาชักจะยังไง?)
ถ้าลองคิดเล่นๆดูว่า
ประเทศไทย ระดับพื้นฐานชีวิตของคนไทยทุกคน
มีคอมฯอยู่ที่บ้าน สามารถทำงานที่บ้านได้
จะไม่มี รถรับจ้าง
ไม่มีใครจำเป็นต้องดูแลต้นไม้ริมถนน
ทุกคนอยู่แต่ในโลกไซเบอร์ ..
รู้จักกันแค่ในโลกไซเบอร์
มันจะเป็นยังไงนะ ?
(เหมือนเคยดูหนังเรื่องนึงประมาณนี้ แต่จำไม่ได้แล้ว)
อยากท้ำๆๆๆๆอยากทำ ทำไมได้อะ จะเอาคนไข้มารักษาที่บ้านได้ไงหว่า…ฮือฮือ