เข้าโรงกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับภาพยนต์เจ้าปัญหาอย่าง Davinci Code หลังจากมีเรื่องกันมานาน
ผมเองมักหลีกเลี่ยงการให้ความเห็นทางด้านศาสนาและการเมืองเสมอ เพราะเชื่อว่าสิ่งที่เราควรให้กับผู้อื่นเพื่อให้เชื่อตามที่เราอยากให้เชื่อนั้น ไม่ควรมีอะไรมากไปกว่าข้อเท็จจริง
…แน่นอนว่าเป็นข้อเท็จจริงในแบบที่เราอยากให้เขาได้รับ…
แต่เอาว่าวันนี้ขอสักวันแล้วกัน ขอเตือนว่าคอมเมนต์ในเว็บนี้ถ้าผมไม่ชอบใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเล็กน้อยแค่ไหน ผมยินดีลบโดยไม่ต้องคิดเสมอ เรื่องหมิ่นเหม่อย่างนี้โอกาสโดนลบก็มีค่อนข้างสูง ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าคอมเมนต์มายาวๆ แล้วมันหายไป
กรณีข้อพิพาทเรื่อง Davinci Code นี้สร้างข้อสงสัยหลายๆ อย่างในใจ โดยเฉพาะข้อพิพาทระหว่างคนดู ที่ต้องการดูเต็ม กับคริสตชนที่ไปแสดงความไม่เห็นด้วยในการฉาย เช่น
- คริสตชนกลุ่มนั้นเรียกร้องให้มีการตัดสิบนาทีสุดท้ายออกหรือ? พวกเขาเป็นผู้ตัดสินใจหรือว่าจะเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ กองบังคับการกองทะเบียนตามที่เป็นข่าวหรืออย่างไร
- ถ้าจะโทษว่าคำตัดสินเช่นนั้นออกมาเพราะมีการประท้วง คนที่อ่านนิยายแล้ว ติดตามกระแสตั้งแต่นิยายออกบ้าง นึกไม่ถึุงกันเลยหรือ ว่าภาพยนต์เรื่องนี้จะโดนประท้วง คิดว่าคริสตชนหลายแสนคนในเมืองไทยจะนั่งยิ้มกันทั้งประเทศกับภาพยนต์เรื่องนี้กันทุกคน?
- แล้วจะทะเลาะกันไปทำไม
คล้ายๆ กับเรื่องการเมืองในตอนนี้ ที่ก่อนหน้ากระแสพระราชดำรัส ทุกคนเอาแต่ทะเลาะกัน ไม่มีใครพูดถึงศาล
ประเทศไทยจะดำเนินไปแบบเฮโลอย่างนี้อีกนานเท่าใหร่ เราจะกลัวเครื่องดื่มมึนเมาเข้าตลาดหุ้นไปอีกกี่ครั้ง ต้องมีคนไปยืนประท้วง ไปโดนยิง และไปตีกันอีกเท่าใหร่
ถ้าเรามีจุดยืนกันจริงๆ เมื่อใหร่กันที่เมื่อเราแสดงจุดยืน แสดงพลังในการต่อต้านสิ่งที่เราบอกว่าไม่ดีแล้ว เราจะทำเพื่อให้สิ่งนั้นมันออกไปจากสังคมอย่างถาวร ทำจนกว่าเราจะมั่นใจว่าคนรุ่นต่อไปจะไม่ต้องเจออะไรเหมือนเรา
ไม่ใช่การเฮโลไปเรื่อยๆ เป็นรายๆ ไปแบบนี้
ที่เจอเยอะมาก (และเกลียดมาก) คือพวกด่ารัฐบาลว่าโกง แต่เอาจริงตัวเองก็เอาเงินยัดให้ลูกเข้าเซนโย
mk – ต้องดูอีกทีนะ ถ้าคำว่า “ยัด” ของมึงคือการเสนอเงินบริจาคที่สูงเพื่อให้มีโอกาสเข้า
เซนโยเป็นโรงเรียนเอกชน ถ้าจะเลือกนักเรียนจากปริมาณเงินคงไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้
ถ้ายกตัวอย่างพวกยัดเงินเวลาโดนใบสั่ง อะไรพวกนั้นน่าจะตรงตัวกว่า