โน้ตความคิดตัวเองไว้หน่อย (กระจายมาก จะเรียกบทวิเคราะห์คงไม่ถูก)
- ราคาแพงมีสาเหตุสำคัญเพราะการเมืองไม่นิ่ง การประมูลไม่น่าเชื่อถือ คลื่นจะหมดอายุมีเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร วันนี้มีอะไรคว้าได้ต้องรีบคว้า
- ในอนาคตถ้ามันนิ่ง (ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนปกครอง แต่ถ้ามัน “นิ่ง”) คาดเดาได้พอสมควรว่าเมื่อไหร่จะมีคลื่นให้ประมูลบ้าง ราคาก็ไม่น่าจะแพงแบบนี้อีก
- การย้ายไป 4G ของไทยไม่ได้ล่าช้าเวอร์ๆ แบบ 3G ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงจะไม่มากเหมือนเดิมอีกแล้ว
- สมัย 3G มาเราเห็นรายได้ฝั่ง data เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (แม้จะมาพร้อมกับการล่มสลายของค่าบริการ voice) แสดงว่าคลื่นใหม่มันมาพร้อมกับค่าบริการแบบใหม่
- 4G ไม่มีอะไรใหม่ มันคือ data เหมือนเดิม ที่ได้เพิ่มมาคือ bandwidth
- ในแง่ความเปลี่ยนแปลงกับคนใช้งานจึงไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากนัก เราจะเห็นเน็ตติด FUP กันต่อไป อาจจะใจดีขึ้นหน่อย มาตรฐานต่อไปอาจจะขึ้นต่ำ 324kbps สำหรับโปร 199 ต่อเดือนอะไรแบบนั้น คนใช้หนัก ทน FUP ไม่ได้จะยังคงต้องซื้อแพ็กเกจใหญ่กันต่อไป
- แต่ bandwidth ที่เพิ่มขึ้นก็น่าจะเอามาทำเป็นสินค้าใหม่ เราน่าจะเห็นโปรประเภท 5GB 50 บาทอะไรแบบนั้นเพื่อเรียกให้คนจ่ายเพิ่ม
- “เดา” ว่าอนาคตจะมีโปรประเภทเน็ตกลางคืนถูกมากๆ มาเพิ่มอีกต่อ เหมือนสมัย 2G ที่เป็นโปรโทรกลางคืน คือทำยังไงก็ได้ให้คนจ่ายเพิ่ม
- โจทย์ใหญ่ของโอเปอร์เรเตอร์คือการหาช่องทางให้คนจ่าย เพราะพอเป็นบริการแบบ All-IP โอเปอร์เรเตอร์กลายเป็นเพียง link provider เท่านั้น
- แต่บริการที่ควรสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างเพลงและโทรทัศน์ โอเปอร์เรเตอร์กลับบุกได้ไม่เร็วพอ iflix, HOOQ, Apple Music, JOOX บุกตลาดอย่างรวดเร็ว อาศัยความเชี่ยวชาญในวงการสร้างฐานข้อมูลสื่อได้ใหญ่กว่า
- ไม่ชัดเจนว่าในอนาคตโอเปอร์เรเตอร์จะทำได้ระดับเดียวกันไหม ถ้าทำได้แล้วไปพ่วงกับ data package เช่น ดู streaming แบบ SD หรือเฉพาะเพลง ไม่คิด data แบบนั้นก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ (แต่มันจะคุ้มหรือไม่อันนี้คงต้องดู bandwidth รวมว่าจะให้บริการได้จริงไหม)