TL;DR น้ำเงินแท้คือ Unbroken ทั้งเล่มใส่เนื้อหากบฎบวรเดช จบ;
ผมอ่านหนังสือของวินทร์เล่มแรก เป็นรวมเรื่องสั้นในยุคสมุดปกดำกับใบไม้สีแดง สมัยที่พิมพ์กับสำนักพิมพ์ดอกหญ้าและก็อ่านเรื่อยมาจนกระทั่งมาเจอประชาธิปไตยบนเส้นขนานหลายปีต่อมา มันเปิดโลกให้กับผมว่าการอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ไม่จำเป็นต้องเป็นข้อมูลดิบแห้งๆ ชวนให้คนเบือนหน้าหนีแต่ต้องอ่านเพราะจะสอบแบบในหนังสือเรียน แต่มันร้อยเรียงแสดงความเกี่ยวเนื่องกันไป และพาเราย้อนกลับไปสู่ที่มาของเราได้อย่างเป็นระบบ
หลังจากนั้นผมก็อ่านหนังสือของวินทร์เรื่อยมาทุกเล่ม ทุกฟี จนกระทั่งเมื่อสองสามปีก่อนพบว่าหนังสืองานหนังสือหลังๆ (ที่ยังซื้อทุกเล่มอยู่) ไม่ได้อ่านอีกต่อไปเลยเลิกซื้อไปโดยปริยาย
น้ำเงินแท้เป็นนิยายประวัติศาสตร์เล่มที่สามที่ผมได้ยินข่าวก็ตั้งใจว่าต้องอ่านในทันที ไม่ว่าเสียงวิจารณ์จะเป็นอย่างไร ยังไงซะก็ต้องอ่านให้ครบชุดหลังจากอ่านปีกแดงเล่มที่สองมานานแล้ว
น้ำเงินแท้ยังคงผลิตซ้ำแนวคิดแบบที่เราเห็นได้บ่อยในทุกวันนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงการปกครองเกิดขึ้นเร็วเกินไป แต่ในแง่หนึ่งมันก็ยอมรับเต็มที่ว่าการเปลี่ยนแปลง 2475 ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เสร็จในตัว แต่เป็นการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง มีความพยายามเปลี่ยนแปลงไปมาอีกหลายครั้ง และความพยายามแต่ละครั้งก็สามารถหาจุดย้อนกลับ การตกลงระหว่างกลุ่มได้ในบางระดับ และบางครั้งบางฝ่ายก็ถูกกวาดล้างกันไป
มุมมองทางการเมืองในน้ำเงินแท้สำหรับผมจึงยังน่าสนใจ และควรไปหาหนังสือที่แนะนำท้ายเล่มมาอ่านต่อ เช่นเดียวกับหนังสือเล่มอื่นๆ ในชุด
แต่เรื่องน่าเศร้าคือผมเพิ่งอ่าน Unbroken จบก่อนหนังเข้าฉาย และพบว่าการเดินเรื่องของหนังสือกลับคล้ายกันเป็นอย่างมาก มันทำให้ความใหม่ของหนังสือหายไป เนื้อหาเองแม้จะสร้างภาพความเลวร้ายของการกุมขังสมัยนั้นแต่ก็เมื่อมองมาถึงสมัยนี้ความเศร้าดูจะไม่ใช่เรื่องของคนในยุคนั้นที่ถูกกุมขังในรูปแบบที่เลวร้าย เท่ากับว่าในยุคนี้เมื่อผ่านไปเจ็ดสิบปีกลับไม่มีอะไรดีขึ้นมา
สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเราเรียกคนใช้กำลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแต่ไม่สำเร็จว่านักโทษการเมือง แต่ยุคนี้เรายืนยันว่าเราไม่มีนักโทษการเมืองอีกแล้ว