คนเห่อจนเลิกเห่อกันทั่วบ้านทั่วเมืองเพิ่งได้ไปกับเค้าครับ
- ผมว่าจุดเด่นของ IKEA คือของชิ้นถูกๆ ครับ ชิ้นแพงๆ ไม่น่าซื้อเท่าไหร่ ดูจากในแคตตาล็อกคิดแบบนี้ ไปแล้วก็เป็นจริง
- มีระบบลงทะเบียนสมาชิกด้วยตัวเองให้ทั่วไป กรอกๆ ได้เลย ระบบส่ง SMS ยืนยันหมายเลขให้ สะดวกมาก พร้อมพิมพ์บัตรสมาชิกชั่วคราวให้ทันที
- ระบบแจกดินสอกับกระดาษจดนี่เป็น gimmick ที่ดี แต่ใช้จริงโคตรไม่เวิร์ค ผมลืมกระดาษจดไว้สักที่ เดินไปสองชั่วโมงหายหมด
- แอพค่อนข้างดีมาก ตัวเดียวใช้ได้ทั่วโลก แต่ในร้านไม่โปรโมทให้ใช้แทนกระดาษเลย ไหนว่ารักโลก
- ในไทยใช้การสแกน “รหัสสินค้า” ที่เป็นตัวเลขโดยตรง แทน QR หรือ Barcode สแกนได้เหมือนกันเพราะพิมพ์มาให้แสกน แต่ปรากฎว่าแสกนช้ามาก ติดยาก ยอมแพ้ซะแล้วพิมพ์ QR พร้อมกับโปรโมทแอพเถอะ
- แอพบอกจำนวนสต็อกสินค้าด้วย เยี่ยมมาก แต่อัพเดตคืนละครั้ง ผมไปเดินเจอสินค้าลดราคา สุดท้ายก็หมด เซ็ง
- พนักงานคิดเงินไม่ทวงบัตรสมาชิก อันนี้แย่ ทั้งๆ ที่โปรโมทให้สมัครบัตรทั่วร้าน (ผมเองก็บสมัครในร้านนั่นล่ะ) พอจ่ายเงินเดินออกมาอ่าว เพิ่งรู้ตัว ค่าใช้จ่ายต่อบิลพี่แพงกว่าพวกซุปเปอร์เยอะ น่าจะเสียเวลาเพิ่มกับลูกค้าทวงหน่อยนะ
- แกะใช้งานมาสองชิ้นก็ยังประทับใจดี การออกแบบ make sense สำหรับผม ดูดีใช้งานได้ทั้งที่วัสดุราคาไม่แพงนัก
- หลอดไฟแพงมาก แพงฉิบหาย ควรหลีกเลี่ยง ผมซื้อถ่านอัลคาไลน์มาลอง
- โคมไฟใช้เกลียวเล็กจำนวนมากเข้าใจว่าทางยุโรปนิยม แต่เมืองไทยก็น่าจะปรับหน่อยนะ
- แนวคิดสินค้า “ปรับราคาลงจากปีที่แล้ว” น่าสนใจมาก ร้านในไทยควรเอาเยี่ยงอย่างทั้งหมด ไม่ได้โปร แต่มันถูกลง รู้สึกน่าซื้ออย่างบอกไม่ถูก ผมเกือบเสร็จป้ายนี้ไปชิ้นนึง (เปลี่ยนใจจะไปเอาอีกชิ้น ที่พอหาจริงๆ แม่มหมดสต็อก ไม่เอาแม่มทั้งสองชิ้น)
- แนวคิด “เส้นทางเดินดูของแนะนำ” ก็น่าสนใจ แต่ผมว่าป้ายยังน้อยไป คนเราจริงๆ ไม่ได้เดินบนทางเดินขนาดนั้น เดินไป ดูของดูห้อง อ่าวอยู่ตรงไหน เผลอไปมาเดินทะลุอีกห้อง อ่าวข้ามไปแล้ว
เพิ่มหน่อย