หงส์เหนือมังกร #2

ว่ากันว่า ผู้ชายคนหนึ่ง ยอมถูกเกลียด ดีกว่ายอมถูกลืม

ผู้ชายคนหนึ่งอาจจะทุ่มทำดีจนลืมทุกอย่าง ทุกคนอาจจะสรรเสริญ แต่แท้จริงในใจแล้ว เขากลับทำสิ่งนั้นเพื่อใครคนหนึ่ง

ผู้ชายอีกคนหนึ่ง อาจจะทำตัวไม่ได้เรื่อง อาจจะเลวร้ายไม่ได้ความทุกอย่าง เพื่อให้ใครคนหนึ่งสนใจ

เราตีค่าความยิ่งใหญ่ของความผูกพันที่เขาทั้งสองมีให้ต่อ “ใครคนหนึ่ง” อย่างไรกัน

เราตีค่าคนหนึ่งยิ่งใหญ่กว่าเพราะเขา “ทำตัว” ดี?

เราตีค่าคนหนึ่งยิ่งใหญ่กว่าเพราะ “การกระทำ” ของเขาเป็นผลดีต่อเรา?

ในขณะที่เรามองไม่เห็นว่าการทำดีของคนๆ หนึ่งเพื่อให้ได้ความสนใจนั้น อาจจะเป็นความดีที่ว่างเปล่าเพียงใด

ในขณะที่เรามองไม่เห็นว่าการทำเลวของคนๆ หนึ่งเพื่อให้ได้ความสนใจนั้น เต็มล้นไปด้วยความผูกพันที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน

เราควรที่จะตัดสินความยิ่งใหญ่ของความผูกพันนี้หรือ

 

พึงได้

ผมเขียนบล็อกนี้ขณะกำลังนั่งรอคนอยู่ในสถานีรถไฟฟ้า

เวลาหนึ่งชั่วโมงที่เมื่อก่อนมันควรจะหายไป แต่ตอนนี้ผมกำลังทำงานที่เมื่อก่อนผมทำได้เฉพาะในออฟฟิศ

ผมกำลังใช้สมบัติชาติ เพื่อประโยชน์ส่วนตน

ผมไม่ได้รู้สึกผิดอะไร ผมใช้เพราะผมคิดว่าผมมีสิทธิ์ใช้

ผมเป็นคนหนึ่งที่ “ไม่ตาย” ถ้าไม่ได้ทำงานนอกสถานที่แบบนี้ ผมเคยเสียเวลามาแล้วหลายร้อยชั่วโมงกับเรื่องในแบบเดียวกัน

แต่วันนี้ผมกำลังทำเรื่องที่มีประโยชน์กับชีวิตผมเอง ในเวลาที่ผมเคยเสียมันไป

ผมเชื่อว่าทุกคนควรมีโอกาสที่จะเข้าถึงโอกาสแบบเดียวกับผมนี้ เพราะสมบัติชาติเป็นของทุกคน

การบอกว่า “ไม่มีแล้วไม่ตาย” เป็นความชั่วช้าของชนชั้นสูง

ถ้าเรารู้สึกอย่างนี้กับเรื่องหนึ่ง เราจะเริ่มรู้สึกอย่างนี้กับอีกหลายๆ เรื่อง เราจะรู้สึกว่าแค่ให้ข้าวพอกินก็เพียงพอแล้ว

อย่าไปเพิ่มสิทธิ์ทางการแพทย์เลย เพราะสิ้นเปลืองการนำเข้ายา

อย่าไปเพิ่มสิทธิ์การคมนาคมเลย เพราะรถไถรถยกก็นำเข้าเอาทั้งนั้น

สิทธิ์คือการเลือกจะใช้หรือไม่ใช้ ถ้าคุณคิดว่าคนอื่นๆ จะหลงระเริงกับสิทธิ์จนใช้มันอย่างโง่ๆ โดยที่คุณเองลงเงิน เวลา และทรัพยากรกับเรื่องที่ไม่จำเป็นมากมาย

สำหรับผม มันคือความชั่วในตัวคุณ

 

หงส์เหนือมังกร [SPOIL]

  • ผมรู้ก่อนแล้วว่าเนื้อเรื่องซับซ้อนกว่าเรื่องอื่นๆ ทำให้น่าจะทำละครยาก
  • ข่าวร้ายคือทำออกก็สมกับเนื้อเรื่องยาก คือทำได้ไม่ดีนัก
  • บทดูกระท่อนกระแท่นเกินไป จุดที่แย่ที่สุดคือเนื้อเรื่องไม่ทำให้ผมเชื่อว่า จางเห่า กับหลิว น่ะรักกันจริงๆ
  • ผมเชื่อว่าตี๋เล็กรักกับสร้อย มากกว่าซะอีก (สร้อยไม่มีผลต่อเรื่องเท่าใหร่ ไปเสียเวลากับตรงนั้นทำไม????)
  • รักกันในเวลาสั้นๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเวลาที่จำกัด ต้นเรื่องที่เจอกันในศาลเจ้าก็นับว่าเปิดตัวได้ดี
  • แต่ที่เหลือเริ่มโดดไปโดดมา “เจอว่าเป็นลูกศัตรู”, “ช่วยชีวิต..” ฯลฯ มันดันความรู้สึก “เชื่อ” ของคนดูได้ไม่ดีนัก
  • น่าจะให้เวลากับบทพูด, เกี้ยวพาราสี กันอีกสักหน่อย
  • เนื้อเรื่องมี 3 track ขนานคือ จางเห่า, ตี๋เล็ก, และเทียนเล้ง ดูเหมือนคนเขียนบทพยายามเอาเวลาหารสาม
  • สามมันมากเกินไป คนดูงง และไม่ buy กับซัก track
  • เรื่องที่สองคือเพลง
  • ผมไม่ชอบคำว่า “นี้” เอาซะเลย กระชากอารมณ์ออกจากเรื่องได้อย่างอัศจรรย์
  • เพลงฟังยากครับ ต้องจับจ้องพอสมควรว่าพูดว่าอะไร
  • ไมค์หอน!
  • ผมอยากไปดูเรื่องนี้เพราะแพท และพบว่าแพทยังคงคุณภาพคงเดิมได้ดีเยี่ยม ทั้งการแสดงและเสียงร้อง
  • โดยรวมไม่แย่เกินไปครับ ดูเอา entertain ได้ แต่ถ้าเคยดูเรื่องดีๆ ของ scenario มาก็พบว่าตกมาตรฐานลงไป อาจจะเพราะไปจับเรื่องที่ซับซ้อนเกินไป มาบวกกับเพลงทีมีจุดบกพร่องมากไปหน่อย
  • สุดท้าย จะบ้า BB กันไปถึงไหนครับ โรงละครนะเว้ยเฮ่ย
 

ภาพบางภาพ

ผมมีกล่องอยู่ใบหนึ่ง เป็น time capsule อย่างง่ายๆ

มันใส่ของตั้งแต่สมัยผมยังเด็ก ของที่ผมชอบ หรืออย่างน้อยก็เคยชอบ

บางทีก็เป็นกระดาษโน้ตยังไม่ใช้สักแผ่นที่เพื่อให้มา บางทีก็เป็นรูปเก่าๆ บางทีก็เป็นสมุดวิชาหนึ่ง

ของส่วนมากถูกผมลืมไปหมดแล้ว ที่ยังไม่ลืมบ้างคือการโยนของใหม่ๆ ลงไปในกล่องนั้นจนมันแน่นขึ้นทุกวัน

นานๆ หลายปีครั้ง ผมจะรื้อของสองสามชิ้นในกล่องนั้นขึ้นมาดู แล้วรำลึกว่า ผมมาถึงตรงนี้ได้ยังไง

ชีวิตกับความทรงจำของเราทุกคนก็เหมือนกับกล่องใบนั้น มันมีวันที่เราจะต้องระลึกถึงสิ่งที่ดูจะผ่านไปแล้วเสมอ

เราผ่านจุดหลายๆ จุดมาแล้ว และเรามักจะโยนของหลายๆ ชิ้นลงไปสู่ห้วงความทรงจำ เมื่อถึงบางครั้ง มันก็ถูกหยิบขึ้นมา

เราเป็นอย่างนี้ได้ยังไงกันนะ อะไรกันที่สร้างให้เราเป็นอย่างนี้

คำถามหลายๆ ครั้งคือเมื่อเราผ่านจุดเดิมอีกครั้ง กับเหตุการณ์ที่เราเคยผ่านไป

เราคงเฝ้าถามตัวเอง กับโอกาสอีกครั้งของเรา

ว่าเราจะเลือกทางเดิมอีกครั้งไหม