พรบ. คอม

วันก่อน Thai Netizen ชวนไปนั่งคุยเรื่องปัญหาในพรบ. คอม ลองกลับมาร่าง “manifesto” ถึงสิ่งที่พรบ. คอมควรเป็นไป

  1. ผู้ให้บริการทุกรูปแบบควรได้รับขั้นตอนปฎิบัติที่ชัดเจนเพื่อให้สามารถให้บริการได้โดยไม่เสี่ยงต่อการทำผิดกฏหมาย
  2. ความผิดเนื่องจากการทำผิดชั้นตอนปฎิบัติ ต้องระบุไว้ชัดเจน และแยกออกจากความผิดที่อาศัยการให้บริการมากระทำความผิด
  3. การปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร ควรมีคำสั่งที่ชัดเจน ผู้ให้บริการรายใดที่จะปิดกั้นต้องอ้างอิงหน่วยงาน และหมายเลขหรือข้อความอ้างอิงถึงคำสั่งนั้นๆ
  4. คำสั่งปิดกั้นจะมีได้ต่อเมื่อมีการดำเนินคดีไม่ว่าจะเป็นคดีที่อยู่ภายใต้พรบ. คอม หรือไม่ คำสั่งต้องมีวันหมดอายุชัดเจน
  5. ผู้ให้บริการต้องไม่เปิดเผยข้อมูลหลักฐาน หรือปิดกั้นข้อมูลใดๆ นอกจากได้รับการร้องขอจากผู้ใช้ หรือผู้บังคับกฏหมายตามคำสั่งที่ถูกต้อง
  6. ผู้ให้บริการมีสิทธิขอหลักฐานยืนยันคำสั่งการปิดกั้นจากเจ้าหน้าที่ผู้สั่งการ
  7. เมื่อคดีเป็นที่สิ้นสุด การปิดกั้นทั้งหมดต้องยุติและคำสั่งทั้งหมดต้องได้รับการเผยแพร่สู่สาธารณะ
 

ความรักแบบชิซูกะ

วันนี้อยู่ๆ นึกถึงโดเรมอนขึ้นมาตอนหนึ่ง เป็นตอนที่โนบิตะถามโดเรมอนว่าสุดท้ายแล้ว ด้วยสภาพที่ไม่เอาถ่านของตัวเอง จะได้แต่งงานกับชิซูกะได้อย่างไร และพบว่าดูเหมือนชิซูกะยอมแต่งงานกับตนเพราะความสงสารเป็นหลัก

ด้วย “ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย” โนบิตะยอมไม่ได้จึงเดินทางไปอนาคตเพื่อแสดงความแมนต่อชิซูกะ และหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงภาพการขอแต่งงานของตัวเองได้

ความพยายามไม่สำเร็จ อนาคตของโนบิตะยังคงแต่งงานกับชิซูกะ โดยชิซูกะบอกว่า “ถ้าคนๆ นี้ไม่มีฉันแล้วจะเป็นยังไงกัน”

บางทีชีวิตคู่อาจจะไม่ได้เริ่มจากการดีพอของอีกฝ่าย บางทีสภาพที่ดูเอน็จอนาถของโนบิตะอาจจะแสดงภาพอีกด้านหนึ่ง บางทีชีวิตคู่อาจจะเริ่มจากการคิดว่า “ถ้า เขา/เธอ ไม่มีฉันแล้วจะเป็นยังไงกัน”

 

1984

ถ้าเราไม่เห็นคุณค่าของความรัก

ถ้าเราไม่เชื่อในการเสียสละเพื่อความรัก

ถ้าเรายอมทรยศต่อความรักของเราเอง

ที่เหลือจะมีประโยชน์อะไร?

ความร่ำรวยจะมีประโยชน์อะไร

ความเป็นอยู่ที่ดีจะมีประโยชน์อะไร

ชีวิตจะมีประโยชน์อะไร

– ได้รับแรงบันดาลใจจาก 1984 โดย George Orwell

1984 เป็นนิยายการเมืองหนักสมองเรื่องที่สองที่อ่านแล้วอยู่ในขั้น “ติด” (เรื่องแรกคือประชาธิปไตยบนเส้นขนาน) แต่ด้วยความหนักของเนื้อหาทำให้ความเร็วในการอ่านต่างชั้นกันมาก

เนื้อหาหนักจนไม่ใช่หนังสือที่อ่านเอาสนุกแม้แต่น้อย แม้จะอ่านแล้วติดแต่อ่านไปก็เครียดไป อาจจะหนักกว่าปรกติภายใต้สภาวะตอนนี้ของสังคมไทย

แต่บางทีนี่อาจจะเป็นหนังสือที่เด็กไทยควรได้อ่าน และตระหนักว่าเราจะไปไกลกว่าตอนนี้ได้แค่ไหนกัน

 

ข้อดีของความเคว้งคว้าง

ชีวิตช่วงที่ผ่านมาปีกว่าๆ นี้ผมอยู่ในโหมด “มีอะไรทำ” ตลอดเวลา จนจริงๆ แล้วอาจจะเยอะเกินไป เพราะบางช่วงนอนสี่ชั่วโมงต่อวันจนชินไปพักใหญ่

แต่ไม่ว่าจะยุ่งยังไง ผมพบว่ามันมีบางเวลา ที่นั่งๆ อยู่แล้วพบว่าตัวเอง “เคว้ง” ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป หัวสมองว่างเปล่า คิดไม่ออกแม้แต่จะหยิบนิยายอ่านเล่นขึ้นมาอ่านดีไหม หรือควรจะทำงานต่อไป

แต่บางทีเวลาอย่างนี้ก็ปล่อยให้เราได้ทบทวนหลายๆ อย่างที่ผ่านมา บางครั้งมันก็แค่ความผิดพลาดเก่าๆ ที่กลับมาจากความทรงจำ บางครั้งมันก็เป็นความเพ้อฝันถึงอนาคตที่ยังเป็นไปไม่ได้

เวลาผ่านไป ผมมักจะคิดว่าเวลาที่นั่งงงๆ อย่างนั้นเป็นเรื่องเสียเวลาชีวิตเป็นอย่างยิ่ง