ทำไมต้องกู

คนอื่นเข้ามาตอบในบล็อก หรือที่ไหน ผมก็ตอบสุภาพๆ กับเขาเป็น

แต่พอคุยกับเพื่อนแม้แต่ในบล็อก กลับรู้สึกแปลกๆ ที่จะุสุภาพ จนต้องลบเปลี่ยนมาใช้คำ …. เรีัยกว่าอะไรดีล่ะ จะหยาบก็ไม่ใช่ เอาว่าไม่ใช่คำสุภาพ

มันคงเกี่ยวกับคำว่าเฟค (Fake) มันเข้ามาในสังคมไทยตั้งแต่เมื่อใหร่ว่ะ (อ่าวว่ะอีกแล้วกู (อ่าว…))

ถ้าวันหนึ่ง ผมจะสุภาพกับทุกคน มันจะแปลกไหม ถ้าผมจะรวมโลกสองด้าน เข้าเป็นด้านเดียวได้ มันคงจะดีไม่น้อย ลองคิดถึงงานเลี้ยงที่มีทั้งผู้ใหญ่ และเพื่อนๆ ในงานเดียวกัน แต่ไม่ใช่งานแต่งผมแน่ๆ

เดินไปเจอเพื่อน “เฮ่ย มึงเป็นไงว่ะ” หันไป 30 องศา “สวัสดีครับท่าน” หันกลับมาหาเพื่อน “แล้วท่าน เอ๊ย มึงเป็นไงมั่ง”

งงกับชีวิต

งานนี้ยากกว่า Merge โปรแกรมหลายเท่านัก

 

แก่น

ถ้าผมไปกินสุกี้กับเพื่อน เมื่ออิ่มแล้วบริกรเดินเข้ามาถามว่าจะรับของหวานรึเปล่า

เพื่อนของผมชอบกินของหวาน จึงสั่งไปสองถ้วย

เพื่อนอีกคนชอบกินไอติม เลยสั่งมาถ้วยนึง

ผมอิ่มแล้วเลยไม่สั่งอะไรเพิ่ม

เรานั่งคุยกันต่อ แม้จะกินต่างกัน แต่ไม่มีใครทะเลา่ะกัน

คนที่กินไอติม ไม่เอาไอติมมายัดปากผม

ผมไม่เอามือไปปิดปากคนกินของหวาน

เราแค่มานั่งกินสุกี้ด้วยกัน

อาจจะงงๆ ว่าเรื่องอย่างนี้ มันมีใครทะเลาะกันด้วยหรือ?

รออีกสองเดือน ปัญญาชนครึ่งค่อนประเทศจะทะเลาะกันด้วยเหตุการณ์คล้ายๆ อย่างนี้แหละ

 

ชอบธรรม

ความชอบธรรมไม่ใช่การที่ยังไม่มีคนพบความไม่ถูกต้อง

ความชอบธรรมไม่ใช่การแสดงความสามารถในการปกปิดความผิด

ถ้าเราจะบอกว่าสิ่งหนึ่งเป็นสิ่งชอบธรรม

มันชอบธรรมเพราะมันเป็นสิ่งถูกต้อง

ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน

มันแค่ถูกต้อง

 

สองทาง

…อาจจะกล่าวได้ว่ามีสองทางที่จะคงไว้ซึ่งความชั่ว ทางหนึ่งคือใช้กลอุบายเพื่อให้เรื่องยุติแบบไร้ศีลธรรม อีกทางคือปิดปากเงียบเสีย ซึ่งทั้งสองทางถือว่าผิดพอๆ กัน

ที่มา พลังประจำวัน พฤษภาคม-สิงหาคม 2003