โอกาส

เคยอ่้านเรื่อง Discrimination Paradox มานานแล้ว เรื่องคือถ้าสังคมยอมรับเรื่องกีดกันไม่ได้ บางอย่างที่มีความแตกต่างระหว่างคนบางกลุ่ม เราจะแบ่งอย่างไรว่าใครถูกกีดกัน ตัวอย่างเช่นการเกณฑ์ทหาร ที่มีเฉพาะผู้ชายที่ถูกเกณฑ์ ฝ่ายชายก็อาจจะบอกว่าเป็นฝ่ายเสียเปรีัยบ เพราะต้องไปเสี่ยงชีวิตในสนามรบ ฝายหญิงก็อาจจะบอกว่าไม่มีโอกาสป้ิองกันประเทศชาติ

เรื่องอย่างนี้มีอยู่ทั่วไปในสังคมเรา บ่ิอยครั้งที่มันถูกจัดเข้าหมวด “เรื่องละเอียดอ่อน” ที่หมายถึงมันจะไม่มีใครพูดถึงจนกว่าเรื่องจะเงียบไปเอง

กับชีวิตเราทุกๆ วันเราอาจจะแอบพ้อในใจถึงหลายๆ คนในชีวิต ว่าไม่ให้โอกาสกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย หญิงที่เราแอบมอง คนแก่ที่ข้ามถนน

มุมกลับกันพวกเขาเหล่านั้นนั่นเอง ที่ออกมาบอกเราว่า เราต่างหากที่ไม่ได้ให้โอกาสกับพวกเขา และเมื่อถึงเวลาที่เขาถามกับเรา….

…..เราจะตอบมันยังไง?

 

Feed

ช่วงหลังคนอ่าน Blognone ทาง Feed กันเยอะมาจนน่าสงสัยว่าจะเลิกเข้าเว็บกันหมดแล้วหรือยังไง

แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วการอ่าน Feed น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า สำหรับยุคที่ข่าวสารเกินที่คนทั่วไปจะรับได้หมดอย่างในยุคนี้ แทนที่เมื่อก่อนจะมานั่งเปิดเว็บทีละ 20 นาที อ่าน Feed รอบนึงครึ่งนาทีก็อ่านหมดแล้ว

ว่าแต่ทำไมมันถึงมาพุ่งเอาอาทิตย์ที่แ้ล้ว???

 

มิติที่ 1,324,672

มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ช่วงเทศกาลรับน้อง

ผมสอบเข้าคณะนวนิยาย ผักสวนครัว และไมโครคอนโทรลเลอร์ [อย่าเถียงว่ามันไม่มี เพราะนี่เป็นคณะที่ได้รับความนิยมสูงสุดในมิติที่ 1,324,672 เชียวนะ] หลังการไปถูบ้านอาจารย์มัธยมถึงห้าสิบหลัง [อ่าวคุณไม่รู้เหรอว่าในมิตินี้ การเข้ามหาวิทยาลัยนี่นับตามความชอบของอาจารย์ถึง 99% สอบเข้าอีก 1% เพื่อนผมคนหนึ่งล้างห้องน้ำไปกว่าสองร้อยห้องเชียวนะ] แน่ล่ะ ความสำเร็จในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของผมสร้างความภูมิใจให้กับที่บ้านได้ไม่น้อยทีเดียว

ผมเดินเข้าประตูมหาวิทยาลัย รุ่นพี่ยืนรออยู่ตรงนั้นแล้วสี่ห้าคน รุ่นน้องโดนจับเรียงแถวหน้ากระดาน

รุ่นพี่คนหนึ่งเดินออกมาด้านหน้า เขาพูดด้วยเสียงอันดัง

พี่ – ที่ยืนอยู่นี่ ใครเคยโดดบันจี้จั๊มป์บ้าง

พวกเรายืนเงียบ มองหน้ากันไปมา

พี่ – ว่าไงไม่มีใครเคยโดดเลยหรือ

รุ่นผมคนหนึ่งตอบออกไป – ไม่เคยครับ

พี่ – คุณไม่รู้หรือว่าการโดดบันจี้จัมป์ มันทำให้คุณปลูกผักสวนครัวได้ดีขึ้น

พวกเรามองหน้ากันอีกครั้ง….

พี่ – พวกคุณรู้ไหม ว่าการโดดบันจี้จัมป์ มันทำให้คุณมีโอกาสได้งานมากกว่าคนอื่นๆ

พี่ (ร่ายยาว) – พวกคุณลองนึกดู ถ้าวันหนึ่งพวกคุณไปสมัครงานแล้วเขาถามว่าพวกคุณเคยโดดบันจี้จั๊มปฺ์หรือไม่ คุณจะตอบเขายังไง แล้วถ้าคุณทำงานแล้วไปเจอหัวหน้าที่ชอบโดดบันจี้จั๊มป์เข้าล่ะ คุณจะำทำงานร่วมกับเขาได้หรือ

{คิดไม่ออกแล้ว เอาไว้ต่อตอนหน้า}

 

แก้ไม่ได้

หลายๆ คนคงเคยได้ยินนิทานเกี่ยวกับสองสามีภรรยาที่แบ่งเรื่องราวที่ต้องตัดสินใจออกจากกัน ข้างภรรยานั้นตัดสินใจเรื่องเล็กๆ ตั้งแต่ซื้อบ้าน ซื้อรถ โรงเรียนลูก ฯลฯ ส่วนข้างสามีนั้นตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ เช่น สงครามอ่าว ความยากจนในแอฟริกัน ฯลฯ เป็นตลกร้ายที่แอบบอกว่าแท้จริงแล้วอำนวจส่้วนใหญ่ผู้ในมือคุณแม่บ้าน

แต่เรื่องหนึ่ีงที่น่าสนใจคือ การที่เราตลกกับการนั่งคิดปัญหาที่แก้ไขไม่ได้นั่นแหละ

ขณะที่ปัญหาส่วนใหญ่ที่เราเจอในชีวิต สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการเริ่มจากตัวเรา อาจจะบอกให้คนอื่นรับรู้ หรือการลงมือแก้ไขเพียงเล็กน้อย ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปโดยง่าย

แต่มีปัญหาไม่น้อย ที่เราไม่อยู่ในสถานะที่จะเข้าไปแก้ไข แต่เราก็รำคาญใจกับมัน และยากจะทำใจได้ว่าถึงจุดหนึ่งแล้วมันเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้

เรื่องนี้ชวนให้นึกถึงตัวผมเอง ที่เกลียดว๊ากเข้าไส้ พยายามจะเขียนบทความต่อต้านมาก็หลายหน แต่ถึงจุดหนึ่งแล้วพบว่ามันเหมือนกับการเอาก้อนหินไปเขวี้ยงใส่กำแพงเมืองจีน พอตามข่าวของ ศ.พิเศษ ภาวิช ทองโรจน์ พบว่าเมื่อคนอยู่ในสถานะที่เหมาะสม การกระทำที่อาจจะดูไม่ได้ใช้ความพยายามเท่าใหร่นัก กลับมีผลกระทบใหญ่หลวงยิ่งกว่า

นึกถึง “พี่แมว” จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ที่เขาบอกเสมอว่าเขาชอบเล่นเพลงแจ๊สมาก แต่เมื่อเปิดตัวเขากลับต้องเก็บความสามารถส่วนนั้นไว้ เพราะในตอนนั้นเขายังไม่เป็นที่รู้จัก รอจนดังได้ที่ เมื่อเขาออก Cat in the mood ออกมา แน่นอนว่ามีคนฟัง มีสถานีวิทยุเปิด มีผลกระทบต่อแนวทางการฟังเพลงของคนจำนวนมาก

เรื่องพวกนี้มันอาจจะบอกอะไรเราได้หลายๆ อย่าง ที่เราจะเลือกแก้ปัญหาก็เป็นได้