เธอดีเกินไป : An Engineering Approach

ว่างจัด (การบ้านยังไม่เสร็จ) ลองมาหาคำอธิบายของคำว่า “เธอดีเกินไป” กันเล่นๆ ดีกว่า

ลองจินตนาการว่าเวลาเราไม่รู้จักใคร หรือเพิ่งเจอหน้า เรามักจะไม่มีความคาดหวังใดๆ จากคนๆ นั้น และในทางกลับกัน เราเองก็ไม่มีความห่วงใยใดๆ ที่จะช่วยเหลือคนที่เราไม่รู้จักนั้น จนเมื่อเรารู้จักกันมากขึ้น เราจึงมีความคาดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่โดยทั่วไปแล้วเราก็จะมีความ “สะดวกใจ” ที่จะรับความปรารถนาดีจากคนๆ หนึ่งได้ในช่วงหนึ่งเท่านั้น เช่น เราอาจจะยินดีขอให้เพื่อนที่เรียนด้วยกันเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวสักชาม แต่กับเพื่อนคนเดียวกัน ถ้ามาเสนอจะซื้อรถให้เราคงไม่สะดวกใจจะรับ แถมระแวงใส่ว่ามันจะมาไม้ไหน จากเหตุการณ์รูปแบบนี้เลยสรุปออกมาเป็นกราฟของความพึงพอใจกับความปรารถนาดีได้ดังข้างล่าง

โดยยิ่งเมื่อความปรารถนาดีที่ให้ต่อกันมากเกินไปแล้ว ความพึงพอใจจะลดลงเรื่อยๆ จนติดลบไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างถ้าเพื่อนเราเสนอเงินมาให้เราซักสิบล้าน เราคงแอบคิดว่ามันไปค้ายาบ้าแล้วเอาเราเป็นที่ฟอกเงินได้เหมือนกัน

แต่กราฟข้างบนก็ยังไม่สามารถอธิบายปรากฎการณ์ “เธอดีเกินไป” ได้อีกเหมือนกัน เพราะถ้ามันง่ายๆ อย่างนี้แล้ว เราคงถามสาวๆ กันได้ง่ายๆ ว่าวันก่อนที่ให้ยืมเงินไปสองร้อยแล้วมันมากเกินไปใช่มั๊ย อะไรอย่างนั้น

กลับมาที่กราฟ เราจะเห็นว่าโดยทั่วไปมักจะมีจุดที่ดีที่สุดที่เราจะรับความปรารถนาดีได้เสมอ เช่น ถ้าเรายินดียืมเงินเพื่อนสองร้อย แล้วเพื่อนให้เรายืมเงินสองร้อยเราจะไม่ลำบากใจว่ามันมากเกินไป แต่จะมีแต่ความซาบซึ้งว่าเพื่อนเราให้เราได้ เราสามารถเอาปริมาณความปรารถนาดีเหล่านี้มาเก็บค่าในมุมมองต่างๆ ที่เป็นตัวแทนความปรารถนาดีโดยทั่วๆ ไปเช่น เวลา ความช่วยเหลือ ฯลฯ (คิดไม่ออกแล้ว..) ขณะเดียวกันเราก็มีความคาดหวังกับเพื่อนอีกคนในอีกรูปแบบ เช่นคนๆ หนึ่งอาจจะงานยุ่งมากเลยไม่มีเวลาให้ แต่กลับคาดหวังให้เพื่อนว่างรับฟังปัญหาตลอดเวลาอย่างนั้นก็เป็นไปได้

กราฟข้างบนแสดงความคาดหวัง และความปรารถนาดีที่คนๆ หนึ่งมีกับคนอีกคน ซึ่งมันจะดีมาก ถ้าทั้งสองคนมีความอยากให้และรับพอๆ กัน ดังกราฟ ข้างล่างนี้

แม้คนๆ หนึ่งจะมีความปรารถนาจะให้และรับในแต่ละเรื่องไม่เท่ากัน แต่ก็เป็นไปได้ที่จะพบอีกคนหนึ่งที่เข้ากันได้พอดี เช่น คนที่มีแฟนแล้วอาจจะไม่มีเวลาให้เพื่อนมากนัก แต่เมื่อเวลามีปัญหากลับต้องการให้เพื่อนพร้อมรับฟังตลอดเวลาแม้จะเป็นตีสามก็ตามที ในกรณีแบบนี้ ถ้าเจอคนเป็นโสด นอนน้อย และยินดีคุยตลอดเวลาก็ถือว่าโอเคไป (คุ้นๆ นะกรณีตัวอย่างเนี่ย)

มั่วไปมั่วมา เราอาจจะอธิบายอาการ “เธอดีเกินไป” เป็นรูปข้างล่างนี้ไปได้

นั่นคืออาการที่ฝ่ายหนึ่งพยายามให้จนเกิน (อาจจะหวังความสัมพันธ์ที่เดินหน้าจากการให้ หรือไม่ก็อีกเรื่อง) จนสุดท้ายแล้วความพึงพอใจกลายเป็นติดลบสะสมในหลายๆ ด้านไปในที่สุด

ปล. บทความนี้มั่วมาก แถมเขียนตอนง่วง อ่านจบแล้วโปรดอย่าจริงจัง

 

ความผิด

ชีวิต​เรา​ใน​ช่วง​เวลา​หนึ่งๆ เรา​อาจ​จะ​ต้อง​เจอ​กับ​คน​มาก​มาย​ที​ทำ​ผิด ไม่​ว่า​จะ​ผิด​ต่อ​เรา ผิด​ต่อ​ตัว​เขา​เอง หรือ​ผิด​ต่อ​ประเทศ​ชาติ

ไม่​แน่​ใจ​ว่า​มัน​เริ่ม​ตรง​ไหน แต่​วัน​หนึ่ง เรา​ก็​เริ่ม​เชื่อ​ว่า​มัน​เป็น​หน้าที่​ของ​เรา​ที่​ต้อง​พิพากษา​การก​ระ​ทำ​ผิด​เหล่า​นั้น แล้ว​เรา​ก็​เริ่ม​พิพากษา​เขา​เข้า​จริงๆ

เรื่อง​น่า​เศร้า​คือ​ถึง​จุด​หนึ่ง เรา​ไม่​ได้​อะไร​จาก​การ​พิพากษา​นั้น ณ จุด​นั้น เรา​อยาก​จะ​กลับ​ไป​บอก​กับ​คน​ที่​เรา​พิพากษา​ไป​แล้ว​นั้น​ว่า​เรา​อยาก​ให้​ความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​เรา​กับ​เขา​คง​เดิม

แต่​เรา​ก็​ทำ​ไม่​ได้

เรา​แค่​ทน​งในความคิดที่ว่า​เรา​มี​สิทธิ​ที่​จะ​พิพากษา​เขา เรา​สมควร​กระทำ​มัน​เพื่อ​ให้​โลก​ดี​ขึ้น

แต่​ถึง​วัน​หนึ่ง เรา​ก็​ถาม​ตัว​เอง​ว่า “ถ้า​เรา​ย้อน​กลับ​ไป​วัน​นั้น​ได้…..”