หลายคนน่าจะได้ยินเรื่องตลกที่ว่าบิล เกตต์ไปปะทะคารมกับประฐานบริษัทฟอร์ด
เกตต์ – ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอย่างอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ วันนี้รถจะราคาพันดอลลาร์ วิ่งได้ร้อยกิโลด้วยน้ำมันลิตรเดียว และอัตราเร่งเป็นสองเท่าของทุกวันนี้
ฟอร์ด – แน่นอน และรถพวกนั้นจะดับไปเองทุกสองวัน ในแต่ละเดือนจะมีรถที่คุณพบระเบิดโดยไม่รู้สาเหตูอย่างน้อยหนึ่งคัน และบางทีมันอาจจะวิ่งถอยหลังไปเองบ้างนานๆ ที
นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้เมื่อผมอ่านรายงานของ US-CERT ที่ว่ามีบั๊กในซอฟท์ฺแวร์ที่รู้จักกันดีกว่าห้าพันตัว ฟังดูน่าตกใจ
ในอดีตที่ผ่านมาเชื่อได้ว่าเรามีบั๊กต่อจำนวนบรรทัดของโค้ดต่ำกว่าในวันนี้มาก แต่ความเป็นจริงคือในอดีตนั้น คอมพิวเตอร์ และคอมไพล์เลอร์ ถูกใช้งานโดยดอกเตอร์ที่ต้องการทำงานวิจัย โดยต้องรอคิวในการคอมไพล์โปรแกรมรอบละสัปดาห์ ดอกเตอร์เหล่านั้นเชี่ยวชาญในภาษาที่เขาใช้งานเป็นอย่างดี เวลาที่ต้องรอนานทำให้ดอกเตอร์พวกนั้นเพ่งโค้ดซ้ำไปซ้ำมาเพื่อไม่ให้มันมีบั๊ก เพราะจะเสียเวลาในการแก้มหาศาล
แต่ในวันนี้โปรแกรมเมอร์ส่วนมากค่อนตลาด จบปริญญาตรี หลายคนได้จับคอมพิวเตอร์ครั้งแรกเมื่ออยู่ปีหนึ่ง ตอนเรียนเขียนโปรแกรมเบื้องต้นนั่นแหละ ส่วนคอมพิวเตอร์น่ะ หาได้ทุกหัวระแหง
คำถามคือเราต้องการให้กระบวนการผลิตซอฟท์แวร์ถูกตรวจสอบอย่างหนักเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่นรถยนต์ หรือเครืองบินไหม? ถ้าต้องการ เรายอมรับได้ไหมกับราคาที่แพงมหาศาล เรายอมรับได้ไหมกับแลปทอปเครื่องละห้าล้าน แทนที่จะเป็นห้าหมื่นอย่างในวันนี้
ในวันนี้ืที่เทคโนโลยีล่าสุดจากห้องวิจัย ถูกจับมาลงกล่องขายกันแทบวันต่อวัน ราคาที่ลงเร็วเป็นน้ำตก
บางทีเราอาจจะอยู่ในทางเลือกที่ดีกว่าก็ได้
ใครจะรู้