ปิดหู ปิดตา ปิดปาก#2

ถ้าไม่เชื่อฟังก็ให้ตัดรายการออกไปจากสถานี ถ้าท่านใช้วิจารณญาณไม่เหมาสม ผมจะใช้วิจารณาณของผมช่วยท่านบริหารงานเองถ้ามีความจำเป็นและถ้ามีเหตุการณ์ อย่างกรณีวันที่ 31 ธันวาคม เราได้เตรียมการที่จะดำเนนการขั้นเด็ดขาดไว้แล้ว ใครจะว่าเผด็จการก็ว่าไป การที่คนทำผิดแล้วยังไม่สำนึกอีกก็ต้องใช้ไม้แข็ง
น.พล.อ.วินัย ภัททิยกุล
เลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

ถ้าสื่อให้ความร่วมมือก็โอเค แต่ถ้าไม่ให้ความร่วมมือ เราก็ไม่รับอะไรจากพวกท่านเท่านั้นเอง การขอความร่วมมืออยู่ที่ความสมัครใจของผู้ให้ ไม่ได้ลิดรอน บอกแล้วว่า เป็นการขอความร่วมมือ เราพูดกันตรงๆ แบบทหาร ว่า เราขอความร่วมมือจากทุกท่าน ท่านจะเห็นว่าควรให้หรือไม่ควรให้ก็แล้วแต่จะพิจารณา ช่วยกรุณาดูเรื่องความสามัคคี สมานฉันท์ คงบังคับใครไม่ได้ เพราะสังคมเรา ประเทศเราเป็นประชาธิปไตย และในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ก็ให้สิทธิเสรีภาพกับสื่ออยู่แล้ว
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
ผู้บัญชาการทหารบก
ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

 

ปิดหู ปิดตา ปิดปาก

ใครงงเข้าไปอ่านประชาไทกันก่อนที่น่าสนใจคงเป็นข่าวนี้ กับข่าวนี้

โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนสนใจการเมืองน้อยกว่าค่าเฉลี่ยคนทั่วๆ ไป และหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยการเมืองนอกจากคนที่เชื่อใจได้ว่าจะไม่เอาไปเป็นอารมณ์จริงๆ ในเรื่องการเมืองว่าใครถูกหรือผิดอย่างไรในการทำรัฐประหารจึงอยู่นอกความสนใจโดยทั่วไปของผม แต่ที่ผมให้ความสนใจมากๆ คือความเสรีของสื่อ

ผมเบื่อหน่ายสื่อไทยในยุคปัจจุบันที่ขาดความเป็นกลาง ความรวดเร็วของข่าวอยู่ในระดับย่ำแย่ โดยเฉพาะความสามารถในการตรวจสอบข่าวจากผู้รู้ต่างๆ เรื่องที่น่าจะเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่คือ เราต้องการสื่อที่เสรีกว่านี้ ทำงานได้ดีกว่านี้ เป็นมืออาชีพมากกว่านี้ และโดยเฉพาะ อิสระมากกว่านี้

ไม่ใช่เรื่องปรกติ และไม่ใช่เรื่องดีเมื่อผู้มีอำนาจเกิดลงมาขอร้องกับสื่อต่างๆ ให้ทำงานอย่างนั้นอย่างนี้ตามแต่ใจของตน หากคำขอร้องนั้นเป็นผล มันไม่ได้แสดงอะไรนอกจากบ้านเมืองของเรากำลังถอยหลังลงคลอง ข้อเท็จจริงคือคนทำงานสื่อก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรเหนือกฏหมาย หากมีการเสนอข่าวที่ขัดต่อกฏหมายก็เป็นเรื่องนี้น่าจะถูกต้องหากมีการดำเนินการตามกฏหมาย

แต่การใช้อาศัยความมีอำนาจ มาขอร้องในเรื่องที่เกินขอบเขตกฏหมายเช่นนี้มันแสดงถึงอะไรกัน

 

คลื่นใต้น้ำ

ถ้าเรายอมรับความคิดที่แตกต่างไม่ได้ อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตยกันเลยครับ บอกให้โลกรู้ไปเลยว่าเราจะเป็นเผด็จการแบบมีการเลือกตั้ง จะโกหกตัวเองและโลกไปทำไมกัน บางทีการเป็นประชาธิปไตยอาจจะไม่ใช่ทางเดินที่ถูกต้องสำหรับเราอยู่แล้วก็เป็นได้ (แม้ผมคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่เชื่ออย่างนั้น)

ถ้าการปล่อยให้มีการแสดงคามคิดเห็นอย่างเสรีจะเกิดได้ต่อเมื่อไม่มีความคิดเห็นที่แตกต่าง จะบอกทำไมว่าเรามีเสรี เราจะโกหกตัวเองกันไปอีกนานแค่ไหน เรากำลังจะเป็นประเทศจีนยุคก่อนเปิดประเทศที่กรรมกรถูกโฆษณาให้เชื่อว่าจีนเป็นประเทศที่รวยที่สุดในโลก เพราะรัฐบาลเลี้ยงข้าวคนทั้งประเทศ (ให้อดอยากพอๆ กัน) ได้ใช่ไหม หรือเราจะเป็นโลกคอมมิวนิสต์ที่โกหกว่าตัวเองร่ำรวยจนนาทีสุดท้าย

เรื่องสำคัญกว่าการที่เราจะไปทางไหน คงเป็นเรื่องที่เรารู้ว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหน แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าการที่เรารู้ว่าเราอยู่ตรงไหน มันมาจากการพูดแต่ลมปาก โดยไม่พยายามดูข้อเท็จจริงว่าเราอยู่ตรงไหนกัน