น่าจะเป็น

น่าจะเคยอ่านโคนันกันทุกคน มีตอนหนึ่งที่พูดถึงนายตำรวจหนุ่มแอบชอบรุ่นพี่สาวอยู่ แล้ววันหนึ่งเขาก็พบว่าหญิงสาวมีคนที่ชอบอยู่แล้ว

เรื่องตามครรลองหนังรักที่ดี คือคนที่หญิงสาวชอบอยู่ก็คือเจ้าตัวตำรวจหนุ่มนั่นแหละ เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างปิดตัวเอง

เรื่องจริงอย่างนี้เกิดขึ้นกับเราได้เสมอ หากแต่….

ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเรารู้ความจริงว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่ ส่วนลึกในใจจะแอบกระซิบบอกเราว่า ก็คือเรานั่นแหละที่เธอแอบมองอยู่

เรื่องน่าเจ็บปวดที่ตามมาคงไำม่ต้องพูุัดถึง เกือบทั้งหมดคนที่เธอแอบมองอยู่

…ไม่ใช่เรา…

ถึงจุดหนึ่งที่มันเหนื่อยเกินไป ที่มันล้าเกินไป

สิ่งที่ำทำได้ คงเป็นแค่การเดินจากไป

…เงียบๆ ตามลำพัง…

ไม่ต้องมีคำลา ไม่ต้องสารภาพความจริง แค่เดินจากออกมา ไม่มีฉากโรแมนติกในตอนจบ ไม่มีฉากเศร้าในท้ายเรื่อง

ทั้งหมดที่คุณต้องทำก็แค่รับรู้ความเป็นจริง แล้วเดินเรื่องไปอย่างที่ัมันควรจะเป็น

ถ้านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด

ก็คงจะดีกว่า

…ถ้าเราไม่ทำให้มันแย่ไปกว่านี้…

 

วันนี้

เตียงนอน

ซอย

รถตู้

ข้างหน้า

เป็นคู่

ทำงาน

กลับ

รถไฟฟ้า

เป็นคู่

ดูคอนเสิร์ต

คนข้างๆ

เป็นคู่

คอนเสิร์ต (อีกแล้ว)

รอบตัว

เป็นคู่

ขึ้นรถเมล

ข้างหน้า

เป็นคู่

ลงเรือ

ข้างๆ

เป็นคู่

ขึ้นแท็กซี่

คนเดียว….

 

มองรอบด้าน

หลังจากที่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่มองตัวเองเป็นใหญ่อีกต่อไป เรื่องมากมายก็ทำให้ต้องคิดจนหัวระเบิด รู้สึกว่าการดำเนินชีวิตโดยต้องสนใจคนรอบข้าง ไปๆ มาๆ ก็คล้ายๆ กับการเขียนโปรแกรมให้ Portable เราต้องมานั่งมองว่าตรงไหนมีข้อผิดพลาดที่อาจจะกระทบได้บ้าง แม้เราอาจจะไม่เห็นและไม่เจอผลกระทบนั้นไปตลอดชีวิต

เรื่องนี้ทำให้นึกถึงคำพูดหนึ่งในเรื่องแดจังกึมแฮะ ดูกับเค้าำไม่กี่ตอนแต่ก็จำคำพูดอยู่ตอนนึงได้ ประมาณนี้ “การยึดมั่นในหลักการสำคัญต้องให้มีการผ่อนบ้าง ขณะที่เราถือหลักการเป็นสำคัญ แต่การยึดเอาแต่หลักการอย่างเดียวโดยไม่ดูอย่างอื่น ก็อาจจะทำให้เรื่องยิ่งแย่ ตรงนี้ที่สำคัญ” ไม่ค่อยได้ดูเลยไม่รู้ว่าใครพูดกับใคร เห็นมีแต่ “ซังกุง” เต็มเรื่องไปหมด…. -_-”

หาตรงกลางลำบากเหมือนกันนะ กับการอยากเรียนต่อ ดูแลที่้บ้าน ทำตามความหวังพ่อแม่ ฯลฯ

มึน….

 

อันตราย

เรื่องหนึ่งที่เราเจอกันในการถกเถียงเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์คือ เรื่องของอุปกรณ์การทำสำเนาอย่างเครื่องเขียนซีดี เครื่องถ่ายเอกสาร ไปจนถึงกล้องวีดีโอ

เรื่องที่ถกกันคือ เครื่องทำสำเนาพวกนี้เป็นต้นตอของการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ ด้านเ้จ้าของลิขสิทธิ์มักระบุเสมอๆ ว่าหากไม่มีเครื่องทำสำเนาเหล่านี้เกลื่อนกลาด การละเมิดลิขสิทธิ์ก็คงไม่มากเท่านี้

ด้านผู้บริโภคก็ป้องกันตัวเองด้วยว่าในเมื่อซื้อลิขสิทธิ์มาแล้ว จะเอาไปฟังยังไงมันก็เรื่องของเรา ผมเองซื้อซีดีของแท้มาซักแผ่น ก็มักจะก๊อปเก็บเอาไว้เสมอๆ โดยเฉพาะแผ่น Bakery/LoveIs ที่ต้องก็อปเอาของก็อปไปใส่กล่องจริง แล้วเอาแผ่นจริงไปใส่กล่องเก็บซีดีจริงๆ เพราะใส่อย่างที่ซื้อมาแล้วมันเป็นรอย -_-”

เรื่องอย่างนี้มันเหมือนไข่กับไก่ ที่เถียงกันไปกันมา มันก็จริงกันทั้งคู่

ล่าสุดด้านผู้ผลิตลงมติให้เครื่องบันทึกทั้งหลายต้องเข้ามาตรฐานการไม่บันทึกข้อมูลที่ระบุไว้ในตัวว่าห้ามทำสำเนา อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่เป็นเรืองจริงคือในไม่กี่ปีข้างหน้า เครืื่องบันทึกซีดีของคุณจะอ่านข้อมูลในซีดีว่ามันยอมให้ทำสำเนารึเปล่า มันถึงจะก็อปต่อไปได้ เรื่องที่เจ็บปวดกว่านั้นคือเครื่องบันทึกทุกประเภทจะต้องเข้ามาตรฐานนี้หมด โดยอาจจะรวมถึงเครื่องบันทึกอนาล็อก หมายความว่าต่อให้คุณเอาไมค์จ่อลำโพง ถ้าเพลงมันห้ามก็อป ไมค์คุณก็อัดไม่ิติด…

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงพ่อแม่ที่ห้ามไม่ให้ลูกเล่นเกม หรือดูการ์ตูน เพราะเชื่อว่ามันเป็นต้นตอของความชั่วร้าย ความเกียจคร้าน ฯลฯ

มีดทำครัวเอาฆ่าคน ก็มีคนตาย แต่ถ้าเอาไปทำอาหาร มันทำให้คนรอดตายเพราะมีข้าวกิน

เช่นกัน ผมเชื่อว่ามันมีวิธีอีกมหาศาลที่ทำให้คนใช้เครื่องทำสำ้เนาในทางที่ดีพร้อมๆ เช่นเดียวกันกับการดูการ์ตูนและเล่นเกมให้ได้ประโยชน์

ขณะที่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า mp3 และเครื่องไรต์ซีดีีที่เป็นจุดกำเนิดของเครื่องการละเมิดลิขสิทธิ์กันมหาศาลนั่นเอง ที่เป็นตัวจุดประกายของธุรกิจพันล้านอย่าง iTunes หรือในเมืองไทยเองก็ได้อนิสงค์ จากการขยายตัวของตลาดซีดีที่ส่วนต่างกำไรสูงกว่ามาก

วันนี้ืที่ไมโครซอฟท์ฺไม่เอาจริงกับการละเมิดลิขสิทธิ์ ผมเชื่อว่าไมโครซอฟท์ก็รู้ตัวดีว่าคนละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่คนที่ยินดีจ่ายเงินให้ไมโครซอฟท์อยู่ีแล้ว การไปบีบคนกลุ่มนี้มากๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนอกจากการที่คู่แข่งอย่างลินิกซ์จะเติบโตขึ้นมาในตลาด

ตรงกันข้าม หากมีทางออกที่ดีกว่า มันให้ผลที่ทั้งสองฝ่ายพอใจได้เสมอ

ในวันนี้ที่ซีดีเพลงแกรมมี่ขายกันได้แผ่นละ 120 มันทำให้ผมมีความสุขเพราะซื้อได้สบายใจ แกรมมี่มีความสุขเพราะได้เงินผม

NOD32 ขายกันปีละ 249 บาท ผมมีความสุขเพราะได้ใช้อย่างสบายใจ ผู้ผลิตมีความสุขเพราะได้เงิน

สมัยผมเป็นเด็กๆ ผมได้ดูการ์ตูนโดยแลกกับการที่มันเป็น Sub-Eng เมื่อสิบห้าปีก่อนสมัยเป็นแผ่น LD ตราบใดมันไม่เป็นซับไทย ข้อแลกเปลี่ยนระหว่างผมกับพ่อคือการที่ผมได้ดูการ์ตูน และพ่อผมได้เห็นผมเรียนภาษา

แม่ผมซื้อโดเรมอนให้หลังฉีดวัคซีน แม่ไม่ต้องฟังผมแหกปากหลังฉีดยา ผมไม่ต้องเจ็บตัวฟรี….

ทุกอย่างมันมีทางออก มีทางที่ลงตัว มันยากกว่าการตอบรับหรือปฏิเสธกันดื้อๆ แต่มันให้ผลที่คุ้มค่าเสมอ

ขึ้นอยู่กับเราว่าจะลงทุนหรือไม่เท่านั้นเอง