เวลา

ว่ากันว่าสิ่งที่เอาชนะได้ยาก หรือดีไม่ดีอาจจะเอาชนะไม่ได้เลยก็คือเวลา  เวลาเป็นเครื่องบั่นทอนความสำเร็จได้มากที่สุดอย่างหนึ่งเท่าที่เราจะนึกอาจจะ

นานมาแล้วผมเคยอ่านหนังสือรบพิเศษ ในหนังสือเล่มนั้นรวบรวมหลักสูตรของบรรดานักรบหน่วยต่างๆ ที่ต้องการการฝึกไว้อย่างหนักเอาไว้ค่อนข้างครบ ที่น่าสนใจคือแนวทางการฝึกอย่างหนึ่งคือการยกเลิกเวลากลับบ้านโดยไม่บอกล่วงหน้า  เพื่อให้เหล่าผู้เข้ารับการฝึกท้อจนกว่าจะลาออกไป

น่าแปลกอย่างหนึ่งที่เวลาที่แน่นอนไม่ว่ามันจะนานเพียงใดก็ไม่ใช่อุปสรรคเท่าใดนัก ผมได้รู้จักกับหลายๆ คนที่รู้ตัวดีว่าจะเรียนโดยใช้เวลาเกินหลักสูตร และพบว่าเขาก็ไม่ได้ลำบากเดือนร้อนอะไร ว่ากันว่า Paul Erdős นักคณิตศาสตร์ชื่อก้องโลกเคยพนันกับเพื่อนของเขาว่าจะเลิกเสพยาที่ช่วยให้เขาทำงานได้วันละ 22 ชั่วโมงได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ติดมัน แล้วเขาก็ชนะ

น่าสนใจมากว่าขณะเวลาที่แน่นอน ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เวลาที่ไม่ได้เนิ่นนานอะไร หากแต่ดูเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุดนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า เรื่องนี้เราอาจจะ map เข้ากับการเรียนวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ได้ในรูปแบบของ Asymptotic Analysis ที่เราได้เห็นกันในหนังสือ Algorithm ในรูปแบบของ O-Notation ที่ตัดเอารายละเอียดออกไปแล้วมุ่งสนใจเฉพาะส่วนที่สำคัญที่สุด

O(1) นั้นคือเวลาคงที่ และเป็นเวลาที่เร็วที่สุดเพราะไม่ว่าโจทย์จะเป็นไปในแบบใดๆ แม้เวลาจะเนิ่นนานเกินไปสักหน่อย แต่ถ้ามันยังคงเป็นเวลาคงที่ มันก็คงยังเป็น O(1) อยู่นั่นเอง แต่ในชีวิตจริง เราคงพบโจทย์ที่เป็นเวลาคงที่ไม่ได้บ่อยนัก หลายครั้งแม้จะดูเหมือนว่าเข้าใกล้เวลาคงที่เช่นการเรียน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้เราใช้เวลาเกินเวลาคงที่ไปได้ แม้จะยากมากเต็มที กรณีที่น้อยครั้งจะใช้เวลาเกินคงที่แต่ยังมีบางกรณีนี้อาจจะยังคงเรียกเป็น O(1) ได้แต่อาจจะต้องใช้ Amortized Analysis เพื่อแสดงว่ามันยังคงเป็น O(1)

โจทย์ที่ยากขึ้นไปเราอาจจะจัดให้อยู่ในคลาสอื่นๆ เช่น Class P เช่นเรากำลังเข้าใกล้คำตอบมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ดูระยะทางแล้วช่างยาวไกล หรือหากยากมากๆ เราก็อาจจะจัดมันเป็น NP-hard ไป  ในกรณีแบบนี้เราอาจจะมองไม่เห็นคำตอบกันหรือไม่รู้ว่าเราเข้าใกล้มันรึยัง และแน่นอนว่าชีวิตจริงการแบ่งความยากของปัญหามันไม่ได้ง่ายๆ แบบสามสี่ขั้นเท่านั้น ปัญหาคณิตศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน

ปล. ถ้าคุณไม่ได้เรียนสายคอม แล้วอ่านบล็อกเพ้อๆ นี่แล้วไม่รู้เรื่องก็อย่าแปลกใจ เพราะคนเขียนมันบ้าคอมพ์

ปล2. ถ้าคุณเรียนคอมแล้วอ่านไม่รู้เรื่องอยู่ดี ก็อย่าแปลกใจ เพราะคนเขียนมันเพ้อ

 

เติมน้ำมัน

วันนี้เลี้ยวรถเข้าไปเติมน้ำมันบางจาก เรื่องของเรื่องไม่ใช่อะไร อยากเติมโซฮอลล์ 91 ที่หาเติมยากเหลือเกิน เลี้ยวเข้าไปถึงปรากฏว่าเป็นปั๊มแบบเติมด้วยตัวเอง เอาล่ะเว่ย เจอของแปลก ขั้นตอนมีดังนี้

  1. จอดรถเข้าซองให้เรียบร้อย ถ้าเต็มก็ต่อคิวกันไป
  2. จอดเสร็จ เดินไปเคาท์เตอร์ จะมีพนักงานอยู่คนเดียวทั้งปั๊ม บอกไปว่าคันไหน จะเติมเท่าใหร่ แล้วทิ้งบัตรเครดิตไว้
  3. เดินกลับไปที่รถ เปิดช่องเติมน้ำมันเตรียมหัวจ่ายให้พร้อม
  4. เสียบหัวจ่าย แล้วบีบไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวน้ำมันล้นแล้วมันจะพุ่งใส่ เพราะเวลาเต็มแล้วมันจะตัดเอง (แต่วันนี้ตอนเติมนี่โคตรกลัวเลย)
  5. เติมเสร็จแล้วเก็บหัวจ่ายปิดช่องเติม
  6. เดินไปจ่ายตังค์ ถ้าใช้บัตรเครดิตปั๊มจะพิมพ์สลิปรอไว้แล้ว ก็เซ็นแล้วรับของแถม
  7. เรียบร้อย

ป้ายบอกว่าเติมเองนี่ถูกกว่าปั๊มปรกติ 20 สต. ต่อลิตร รวมๆ แล้วก็ประมาณ 6-7 บาท (ค่าตัวเด็กปั๊มแพงขนาดนั้น!!!) รวมกับค่าเงินบาทที่ช่วยให้เราเติมน้ำมันถูกลงเรื่อยๆ และช่วยให้คนว่างงานอีกหลายคนเพราะโรงงานเลิกกิจการ การเติมรอบนี้ก็ถูกลงไปกว่าปรกติร้อยกว่าบาทเอาเหมือนกัน

บทสรุปก็หลังจากหายกลัวน้ำมันพุ่งแล้วคงมาเติมปั๊มนี้อีกเรื่อยๆ เพราะมีโซฮอลล์ 91 แถมผ่านทุกวันอีก

 

ซื้อบ้าน

ล – เป็นโสดนี่ลำบากนะ

อ – ทำไมล่ะ

ล – ซื้อบ้านไม่ได้

อ – ทำไมจะซื้อไม่ได้ มีเงินก็ซื้อไปดิ

ล – ก็เดี๋ยวคนมาอยู่ด้วยไม่ถูกใจ ต้องซื้อใหม่ล่ะยุ่งเลย

อ – เออ จริง..

ปล. เหตุเกิดในคาบเรียนวิชา Algorithm