ลงทุน

วันนี้สั่งหนังสือมาสองเล่ม ค่อนข้างหนา

พี่คนหนึ่งเดินมาเห็น เลยพูดขึ้นว่าการเรียนเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างแพง และมีความเสี่ยง

ค่อนข้างแพงคือ เราต้องเสียเวลาเรียน ค่าเรียน

ขณะที่ความเสี่ยงคือเรื่องที่เราเรียนน่ะ มันจะยังได้ใช้ไปอีกนานแค่ไหนกัน และสร้างรายได้กลับมาให้เราเท่าใหร่

ผมกลับไปมองหนังสือเล่มนั้นอีกครั้ง มันหนากว่า700 หน้า ใช้เวลาอ่านไม่น้อยกว่า 50 ชั่วโมง ขณะที่ไม่มีใครรู้ได้ ว่ามันจะสร้างรายได้ให้กับผมได้สักบาทหรือไม่

ผมเปิดหนังสือขึ้นอ่าน….

….เนื้อหามันสนุกดี….

 

ก่อนหน้า

ไม่ถึงปีก่อนหน้านี้

ผมยังนั่งกังวลว่ารายได้ผมจะเป็นเท่าใหร่

มันจะพอไหม

ความก้าวหน้าเป็นอย่างไร

ผมจะมีเงินเก็บพอในเวลาเท่าใหร่

ไม่ถึงปีเองสินะ…..

 

เปลี่ยว

ถ้าคนตามอ่านบล็อกผมมานานๆ คงจะสงสัยว่าไอ้นี่มันเป็นอะไรของมัน มันเปลี่ยวได้ทุกวี่ทุกวัน

เรื่องของเรื่องมันไม่ีมีอะไรมาก คนอ่านมาครบสองปีต้งแต่สมัยเขียนอยู่ Blogger นั้นเขียนแต่เรื่องวิชาการ และเรื่องหนักๆ จนวันหนึ่งคิดว่าชีวิตตัวเองมันเอียงเกินไปแล้ว มันขาดความงามของชีวิตเกินไปหน่อย

คนที่มีผลต่อเรื่องนี้หนักๆ เลยคือ อมิด ซิงก์ นักวิจัยทำงานอยู่ไอบีเอ็ม เป็นคนที่บ้าโอเอสเข้าสายเลือดในระดับที่โดน Slashdot เอาบ่อยๆ แต่พอไปอ่านหน้างานอดิเรกแล้ว โอ้ มันสุดยอดมาก แม้จะไม่ใช่ระดับศิลปิน แต่ก็สามรารถแสดงความงามของโลกได้มากกว่าโค้ด หรือการคอนฟิกโปรแกรมใหม่ๆ อย่างผมในสมัยนั้น

ผมวาดรูปไม่เป็น เล่นดนตรีไม่ได้เลย จะมีศิลปะที่สุดในชีวิตคงเป็นการถ่ายภาพ แต่มันยังอธิบายความงามของชีวิตได้ไม่สะใจ การจดชัตเตอร์แล้วมาชื่นชมกับมุมมองในชีวิตมันก็ดีอยู่หรอก แต่ผมเชื่อว่าเราควรได้มีโอกาสสร้างสรรความงามนั้นขึ้นมาเองบ้าง

นั่งคิดเรื่องนี้อยู่สักพักใหญ่ๆ ไอ้มาร์คมันเอาประกาศแข่งเขียนเรื่องสั้นของวนศาสตร์มาให้ซะเฉยๆ เลยคลอดออกมาเป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกในชีวิต

เลยเจอตัวเอง เขียนเรื่องเปลี่ยวๆ ลงเว็บนี่ล่ะ ความสามารถพิเศษตู

เอวังด้วยประการละชะนี้

 

เงื่อนไข

เมื่อครั้งยังเด็ก ผมเชื่อว่าความรักคือทุกสิ่งในการเป็นคู่กัน ภาพหนังรักอันหวานชื่นที่พระเอกและนางเอกฝ่าฟันอุปสรรคทั้งมวล จนได้ครองรักกันตลอดกาล

เวลาผ่านไป ประสบการณ์เปลี่ยนไป ความคิดเปลี่ยนไป

ผมเรียนรู้ว่าอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ในการครองคู่นั้นไม่ใช่ฐานะ, ญาติทั้งสองฝ่าย, เพื่อน หรือตลอดจนคู่แข่งทั้งหลายแม้แต่น้อย ข้อเท็จจริงคือความรักแม้จะเป็นเพียงความรักในแบบหนุ่มสาวที่ถูกมองว่าฉาบฉวยนั้น ก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่อุปสรรคเหล่านี้จะขวางกั้นไว้ได้

แต่เมื่อเราผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไป หลายครั้งที่เราจะพบว่าศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของความรักระหว่างเธอและเขา ไม่ใช่สิ่งต่างๆ ที่เธอและเขาร่วมกันฝ่าฟันมา หากแต่เป็น…

…เขาและเธอ…

เมื่ออุปสรรคภายนอกหมดลงนั่นแหละ เราจึงได้เห็นอุปสรรคที่แท้จริง

เรื่องสำคัญที่คนเราต้องเรียนรู้จากการคบกันจึงไมใช่เรื่องที่ว่าจะหาเวลาไปหวานกันได้อย่างไร แต่เป็นการเรียนรู้ข้อจำกัดของแต่ละคน

ข้อจำกัดที่แท้จริง…

เพราะคนเรามักเข้าหากันด้วยหน้ากาก มันเป็นความจริงที่เราปฎิเสธไม่ได้

การคบกันไม่ได้เป็นการพิสูจน์ว่าเขาและเธอจะไม่เปลี่ยนไป แต่กลับเป็นการประเมินว่าเขาและเธอจะเปลี่ยนไปอย่างไร และเพียงไร

หลายคนมองว่าการคิดถึงเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องผิด เพราะถ้าเรามองเรื่องเหล่านี้แสดงว่าเราไม่ได้มีรักแท้

ในความเป็นจริงคือเรารักใครคนหนึ่งจริงๆ ได้โดยไม่มีเงื่อนไข

แต่เราอาจจะไม่สามารถอยู่กับคนที่เรารักจริงๆ ได้เสมอไป…