Dynamic Range

เคยกินน้ำหวานข้นๆ กันรึเปล่า เวลามีใครกินหวานมากๆ พอเรากินน้ำหวานที่เขาชงเข้าไปเราจะรู้สึกถึงความหวานที่เกินพอดีได้ทันที แต่ถ้าทดลองความเข้มข้นของน้ำหวานทีละระดับล่ะ เราอาจจะพบว่าเราไม่สามารถบอกความหวานที่แตกต่างกันระหว่างน้ำหวานที่ผสมน้ำไปครึ่งหนึ่ง กับน้ำหวานที่ไม่ผสมน้ำเลย แต่บางคนอาจจะบอกความแตกต่างได้และกะประมาณความแตกต่างได้อย่างแม่นยำ

ประสาทสัมผัสของคนเราถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ในช่วงเพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น ขณะที่คนๆ หนึ่งสามารถแยกความแตกต่างของสัมผัสต่างๆ ได้ละเอียดในช่วงหนึ่ง เราอาจจะพบว่าคนอีกไม่น้อยที่ไม่อาจบอกความแตกต่างของสัมผัสหลายๆ อย่างได้ดีเท่าคนอื่นๆ

เช่นเดียวกันกับการสัมผัสด้านกายภาพ สัมผัสในจิตใจของเราอาจจะไม่ต่างกันไปเท่าใหร่

เราอาจจะหยุดงานไปเที่ยวสามวัน แล้วพบว่าจะดีกว่ามากถ้าเรามีเวลาเที่ยวถึงห้าวัน และจะดีกว่านี้ขึ้นไปอีกถ้าเรามีเวลาทั้งสัปดาห์เต็มๆ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรามีเวลาเที่ยวถึงหนึ่งเดือน เราอาจจะบอกว่าเราไม่ได้เที่ยวอะไรมากไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ ขณะเพื่อนของเราอาจจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวยาวถึงหนึ่งเดือนแล้วกลับมาบอกว่าจะดีกว่านี้มาก ถ้าเขาได้มีโอกาสเที่ยวถึงสองเดือน

ความแตกต่างในการสัมผัส สร้างความแตกต่างให้กับวิถีชีวิตคนเราได้อย่างไม่รู้จบ

แต่เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้ เงินเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้น ที่น่ากลัวคือเราบอกความแตกต่างของเงินได้โดยทันที และความแตกต่างนี้สร้างแรกปรารถนาที่เหมือนกันแทบจะทั้งโลกได้ตลอดมา

ขณะที่เราอาจจะมีความสุขดีกับการขับรถคันเล็กๆ และไม่สามารถบอกได้ถึงความ “เหนือระดับ” ของรถหรูราคาหลายสิบล้าน แต่ด้วยตัวเงินกลับชักจูงให้เราปรารถนาที่จะได้เป็นเจ้าของสิ่งที่มูลค่าสูงขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด

คำถามคือ เราควรจะตัดการรับรู้ความสุขจากตัวเลขเงินที่เราจ่ายไป หรือเราจะยอมรับว่ามันเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เรามีได้ในชีวิตของเรากันดี

 

เหนือระดับ

พอดีได้ไปสัมผัสงานด้านการตลาดอยู่พักใหญ่ๆ มีคำหนึ่งที่ใช้กันมากในวงการนี้คือ ความเหนือระดับ ถ้าได้ดูโฆษณาทีวีแล้วสังเกตดีๆ ก็จะพบว่ามีคำนี้แทรกอยู่เรื่อยๆ และเมื่อมองย้อนกลับไป คุณอาจจะแปลกใจว่าในความคิดที่อยากให้โลกมีความเท่าเทียมกันนั้น มุมหนึ่งของจิตใจเราอยากได้รับความเหนือระดับที่ว่านี้อยู่เรื่อยๆ

เคยมีเพื่อนคนหนึ่งบอกกับผมว่า เขาไม่ยอมเปิดเผยรายได้ของเขาให้เืพื่อนคนอื่นๆ รับรู้ ไม่ใช่ว่าเขาต้องการเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นเรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด แต่กลับเป็นเพราะหลายครั้งที่เพื่อนของเขารู้ว่ารายได้ของเขาสูงกว่า ความทุกข์ใจก็มักจะท่วมจิตใจของเพื่อนของเขาอย่างช่วยไม่ได้

ความอิจฉา และการไขว่คว้ามาซึ่งการเหนือกว่านี่เอง อาจจะเป็นแรกผลักดันให้เราพยายามก้าวไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง เราอาจจะพยายามทำงานให้ดีขึ้น เพื่อให้ตำแหน่งการงานก้าวหน้าไปได้ไกลกว่าคนอื่นๆ เราอาจจะอดออมมากขึ้น เพื่อให้มีเงินเก็บมากกว่า

แต่แม้จะมีข้อดี ผมอดจะรังเกียจความปรารถนาเช่นนี้ในตัวเองไม่ได้ เมื่อความแรงผลักดันที่ต้องการก้าวไปข้างหน้าให้ไกลกว่า สร้างความพึงพอใจเมื่อตัวผมได้ยืนอยู่ในจุดที่เหนือกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพราะการทุ่มเทแรงกายและใจของผมเอง หรือจะเป็นความผิดพลาดของคนอื่นที่ทำให้เขาถอยหลังไป

เรื่องที่แย่ที่สุดของความปรารถนาที่จะเหนือคนอื่นคือการที่เราลืมความเป็นตัวเองไปเสียสิ้น ขณะที่เรามีความฝันมากมาย แต่เรากลับเสียเวลาไปกับความเหนือระดับจำนวนมหาศาลไม่ว่าจะเป็นเกรด เงินเดือน รถ เสื้อผ้า ตำแหน่งการงาน อำนาจ ฯลฯ

มันจะเป็นไปได้ไหม ที่คนๆ หนึ่งจะเป็นตัวของตัวเองอย่างเหนือระดับ เป็นไปได้ไหมที่คนๆ หนึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับตัวเองในความรู้สึกที่เหนือกว่า แต่ไม่สูญเสียความเป็นตัวตนของเขาไป

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมได้แต่ตั้งคำถามโดยไม่มีคำตอบ

 

เริ่มต้น

ช – ทำไมคุณถึงไม่เลือกผม

ญ – เพราะเราเริ่มต้นกันแบบเพื่อน

ช – ทั้งหมดเป็นเพราะผมไม่แสดงตัวตั้งแต่วันแรก แค่นั้นเหรอ

ญ – ….

 

lonely

ปรกติคนเราจะเหงาเวลาต้องอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ แล้วนี่คนตั้งเยอะ ทำไมผมยังเหงาอยู่
เป็นต่อ