Flame War

ผล​จาก​การ​อ่าน comp.lang.python ทุก​วัน เพราะ​ติด​มา​ตั้งแต่​ตอน​เริ่ม​ฝึก​เขียน ทำ​ให้​ได้​เห็น​กระทู้​ประจำ​เดือน​อยู่​เรื่อยๆ ที่​จะ​ขึ้น Most Active Topic เสมอ​คือ

ผม​มา​จาก​ภาษา XXXX กำลัง​สนใจ Python แต่​สงสัย​ว่า​ทำไม Python ถึง​ทำ YYYY ไม่​ได้​เหมือน​ใน​ภาษา XXXX

ผล​พวง​ของ​คำ​ถาม​ประเภท​นี้​คือ​สงคราม​ขนาด​ย่อมๆ ที่​ดู​น่า​สนุก​ใน​สิบ​คำตอบ​แรก จะ​มี​การ​ขุด​ราก​ถึง​เหตุผล​เพื่อ​โต้​ตอบ​กัน​อย่าง​เผ็ด​มัน จน​ถึง​คำ​ตอบ​ที่​สามสิบ เหตุผล​ก็​เริ่ม​หาย​ไป กลาย​เป็น​การ​จับ​ผิด​คำ​ตอบ​ของ​ฝ่าย​ตรง​ข้าม​กัน​ชนิด​คำ​ต่อ​คำ จน​ถึง​คำ​ตอบ​ที่ 150 ถ้า​มี​ใคร​บ้า​อ่าน​อยู่​ก็​แทบ​ไม่​มี​ความรู้​อะไร​เหลือ​อยู่​ตรง​นั้น

การตัดสินใจ​ครั้ง​หนึ่ง​ที่​สำคัญ​มากๆ ของ Blognone คือ​การ​ตัดสิน​ว่า​เรา​จะ​ไม่​รับ​คอมเมนต์​จาก​คน​ภาย​นอก ทุก​คน​ที่​จะ​คอมเมนต์​ได้​ต้อง​สมัคร​เป็น​สมาชิก​เสีย​ก่อน การ​ตัดสิน​ใจ​ครั้ง​นั้น​เกิด​ขึ้น​ใน​ขณะ​ที่ Blognone ไม่​ได้​ใหญ่​โต​อะไร​ใน​เวลา​นั้น​เรา​มี​คน​อ่าน​ไม่​ถึง 500 คน​ต่อ​วัน​เทียบ​กับ​กว่า 2000 คน​ต่อ​วัน​ใน​ตอน​นี้ คอม​เมนต์ใน​แต่​ละ​ข่าว​ที่​เรา​ได้​น้อย​กว่า​ห้า​คอมเมนต์​แทบ​ทั้ง​สิ้น ข่าว​จำนวน​มาก​ไม่​มี​คอมเมนต์​เลย​ด้วย​ซ้ำ​ไป

แต่​เรา​ก็​ติด​สิน​ใจ​กัน​ว่า​จะ​ไม่​รับ​คอม​เมนต์จาก​คน​อ่าน​ทั่ว​ไป เพือให้​คอมเมนต์​มี​คุณภาพ

แม้​จน​ทุก​วัน​นี้ เมื่อ​ผม​ได้​เห็น​คำ​ถาม​ที่​เจอ​อยู่​เรื่อยๆ ใน comp.lang.python ผม​ก็​ยัง​คง​เข้า​ไป​อ่าน​มัน​อยู่​เสมอ คำ​ตอบ​แรกๆ มัก​เต็ม​ไป​ด้วย​การ​อ้าง​อิง​ถึง PEP ต่างๆ เหตุผล​การ​ตัดสิน​ใจ ข้อ​ดี​ข้อ​เสีย​ที่​เคย​มี​การ​พูด​คุย​กัน​ใน​ภาษา​อื่นๆ มัน​ช่วย​เปิด​โลก​ให้​ผม​ได้​อย่าง​ชัดเจน​เสมอ

คำ​ถาม​ที่​สร้าง​การ​โต้​แย้ง​ไม่​ใช่​ความ​ผิด และ​การ​โต้​แย้ง​ก็​ไม่​ใช่​ความ​ผิด​เช่น​กัน ตรง​ข้าม​สอง​อย่าง​นี้​ให้​ความ​รู้​ใส่​หัว​ผม​เพิ่ม​เติม​อยู่​เรื่อยๆ

การ​ตอบ​แบบ​ใส่​อารมณ์​และ​เอา​ความ​สะใจ​เป็น​ที่​ตั้ง​ต่าง​หาก​ที่​ผิด…..

 

BTD2.0

หลัง​จาก​กลับ​มา​ถึง​บ้าน​แล้ว​ก็​คง​ได้​เวลา​เขียน​ถึง​งาน​วัน​นี้ งาน​ที่​แล้ว​เขียน​ไม่​ค่อย​รู้​เรื่อง งาน​นี้​ก็​คง​ได้​เวลา​เขียน​ดีๆ
เริ่ม​จาก​บรรยากาศ​โดย​รวม​งาน พบ​ว่า​การ​มี​เบรก​ช่วย​อะไร​ได้​เยอะ​มาก โดย​เฉพาะ​หาก​จะ​หวัง​ให้​คน​พูด​คุย​กัน มากกว่า​และ​มี​โอกาส​ได้​ร่วม​มือ​กัน​ใน​หลายๆ ส่วน​มาก​ขึ้น ตรง​นี้​คง​เป็น​ไอ​เดีย​ว่า​งาน​หน้า​อาจ​จะ​ต้อง​เบรก​ที​ละ​ครึ่ง​ชั่วโมง
เห็น​ตรง​กัน​กับ​มาร์ค​ว่า​ควร​จะ​มี​ป้าย​ชื่อ​กัน​ได้​แล้ว ตรง​นี้​อาจ​จะ​ต้อง​พิมพ์ Username ตัว​โตๆ ก็​พอ​แล้ว แต่​ถ้า​ไม่​ใช่ User ของ Blognone ล่ะ?

เข้า​เรื่อง​งาน​วัน​นี้​กัน​ดี​กว่า

XGL/AIGLX เตรียม​ลง​ได้….

Relax NG สนใจ​เรื่อง XHTML Validator ใน​ตอน​ท้าย​ที่​สุด​แล้ว ผม​เป็น​คน​หนึ่ง​ที่​คิด​ว่า​หาก​กฏเกณฑ์​มัน​ซับ​ซ้อน​ก็​ควร​มี​ตัว​ช่วย​ที่​ดี เช่น Blognone อาจ​จะ​มี Editor ของ​ตัว​เอง​ใน​อนาคต โดย​มี​ฟีเจอร์​ที่ Cutting Edge เช่น ZWSP และ XHTML Validator ให้​ใน​ตัว (ไม่​ผ่าน​ไม่​ให้​โพสต์​เลย​ดีมั๊ย?) เรื่อง​นี้​ก็​เหมือน​กับ​ภาษา​ไทย ที่​หาก​ให้​อยาก​เขียน​ถูก​ก็​น่า​จะ​พยายาม​ทำ​ตัว Spell Checker มา​ให้​ด้วย

Emerging Technology เจ๋งครับ Update ความ​รู้​รวม​ได้​ดี หลังๆ รับ​แต่ Feed เรื่อง​คอม ไม่​ได้​รู้​เรื่อง​อะไร​พวก​นี้​เลย

OpenCare พอ​ดี​ว่า​ไม่​ได้​ไป​ทำ​อะไร​พวก​นี้​เท่าใหร่ แต่​ที่ทำงาน​ก็​มี​คุยๆ กับ​เรื่อง EAI อยู่ อาจ​จะ​ต้อง​ศึกษา​เพิ่ม​ใน​อนาคต แต่​ตอน​นี้​คง​ยัง​ไม่​อยู่​ใน​ความ​สนใจ​เท่าใหร่

WiMAX โดย​ส่วนตัว​แล้ว​คิด​ว่า​ยัง​ไม่​แรง​เท่า​ที่​หวัง แต่​คง​เป็น​ประเด็น​ที่​เมืองไทย​ยัง​ไม่มี​การทำวิจัย​กัน​อย่าง​เป็น​รูปร่าง

ง่วง​แล้ว นอน​น้อย​กว่า​โควต้า​วันเสาร์​ตาม​ปรกติ​ไป​ตั้ง​ครึ่ง ไว้​มา​เล่า​ต่อ​ยัง​ไง​มี​วีดีโอ​คง​ไม่​ลืม

แต่​ไม่​ได้​พูด​หน้า​หมู่​คน​นานๆ นี่​พอ​ไป​พูด​แล้ว​มัน​ล่ก​ชอบ​กล

 

Blog on Blognone

โครงการ​ต่อ​ไป​บน Blognone ใน​ตอน​นี้​ที่​คิด​ได้ อาจ​จะ​เป็น​การ​ให้​บริการ Blog กับ​สมาชิก​ที่​ร้อง​ขอ การ​ให้​บริการ​เช่น​นี้​เพื่อ​เปิด​โอกาส​ให้​สมาชิก​สามารถ​โพ​สเรื่องราวที่เกี่ยว​กับ IT ได้​อย่าง​อิสระ โดย​ที่​ไม่​ต้อง​สนใจ​ว่า​จะ​เป็น​ข่าว​หรือ​บท​ความ​ที่​เข้า​กับ​แนว​ทาง​ของ Blognone อย่าง​ตรง​ไป​ตรง​มา

จุด​ที่​น่า​สนใจ​มากๆ คือ​การ​เปิด​ให้​สมาชิก​มี Blog เป็น​ของ​ตัว​เอง จะ​เปิด​โอกาส​ให้​สมาชิก​ได้​มี​โอกาส​เป็น​ที่​รู้จัก​มาก​ขึ้น ไป​พร้อมๆ กับ​การ​ลด​ความ​ประหม่า​ใน​การ​เขียน​ลง พร้อมๆ กัน​นั้น​จะ​เป็น​การ​สร้าง​ระบบ​หลัง​บ้าน​ที่​ดี​กว่า​การ​ใช้ Forum เช่น​ใน​ตอน​นี้

ตอน​นี้​อยู่​ใน​ขั้น​ทด​สอบ อีก​สัก​พัก​คง​มี​แบบ​ฟอร์ม​มา​ให้​ลง​ทะเบียน​ขอ​ใช้ Blog กัน

หรือ​จะ​เปิด​ให้​ทุก​คน​เลย​ดี?….

 

Blognone 3.0: The User Interface

ทุก​วัน​นี้​การ​ใช้​งาน Blognone มัก​มี​การ​เข้า​ชม​หน้า​เว็บ​ประมาณ 2.2 หน้า​ต่อ​การ​เข้า​เว็บ​ใน​แต่​ละ​ครั้ง เท่า​ที่​ดู​เว็บ​เมือง​ไทย​แล้ว โดย​เฉลี่ย​มัก​อยู่​ที่​ระดับ 7 หน้า​ขึ้น​ไป​เป็น​ส่วน​ใหญ่

ผม​มี​เป้า​หมาย​ว่า Blognone 3.0 นั้น​ต้อง​มี​ค่า​การ​เข้า​ชม​หน้า​เว็บ​ให้​ต่ำ​กว่า 1.6 หน้า​ต่อ​การ​เข้า​เว็บ​ใน​แต่​ละ​ครั้ง​ให้​ได้ ผม​ว่า​มัน​น่า​รำคาญ​ที่​คน​เข้า​เว็บ​เพื่อ​ต้อง​การ​อะไร​บาง​อย่าง ถูก​หลอก​ล่อ​ไป​มา​โดย​เข้า​ของ​เว็บ​เพื่อ​ให้​วน​เวียน​ใน​เว็บ​ของ​ตน​เอง

Blognone ต้อง​แตก​ต่าง ใน Blognone 3.0 ที่​หน้า​แรก​ของ​เว็บ ผู้​ใช้​ควร​ทำ​ฟังก์ชั่นพื้นฐานได้ทั้งหมด ตั้งแต่​การ​อ่าน​ข่าว อ่าน​คอมเมนต์ ไป​จน​ถึง​การ​คอมเมนต์ ทั้ง​หมด​ทำ​โดย​การ​ส่ง​ข้อมูล​ทั้ง​หมด​ไป​ตั้งแต่​ที​แรก แล้ว​ซ่อน​โดย​การ​ใช้ CSS/Javascript ทั้ง​หมด ฟังก์ชั่นการทำงาน​ส่วน​ใหญ่​เป็น​การ “โชว์” ข้อมูล​ที่​ถูก​โหลด​มา​ตั้งแต่​ต้น​มากกว่า​จะ​เป็น​การ​เข้า​หน้า​ใหม่

แนว​คิด​คือ​ส่วน​ใหญ่​แล้ว คอม​เมนต์นั้น​มี​ขนาด​ไม่​ใหญ่​มาก การ​สร้าง Connection ใหม่​นั้น​เสีย​เวลา​ผู้​ใช้​มากกว่า​การ​โยน​คอม​เมนต์ทั้ง​หมด​ไป​ให้​ผู้​ใช้​ตั้งแต่​ที​แรก

จะ​ไม่​มี​แบนเนอร์, หน้า Pop-Up หรือ Intro ตลอด​เวลา​ที่​ผม​บริหาร Blognone แน่​นอน ผู้​ใช้​เข้า​มา​อ่าน​บท​ความ สิ่ง​ที่​คุณ​ได้​คือ​บท​ความ​ใน​ทันที ส่วน​เรื่อง​อื่นๆ ถ้า​ต้อง​การ​เพิ่ม​เติม​จึง​ต้อง​โหลด​เพิ่ม​เอา​ใน​ภาย​หลัง