Blognone รำลึก

ปีนี้กำลังเข้าสู่ปีที่สามของ Blognone ครับ เว็บที่เกิดขึ้นง่ายๆ ด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ตอนกินข้าวเช้าก่อนไปเรียน แล้วพบความรำคาญหลายๆ อย่าง ในวันนี้มันมีคนเข้าต่อวันกว่าสี่พันคน และผู้เขียนที่ส่วนใหญ่ผมไม่เคยเจอหน้าอีกนับสิบ

Blognone's Begin

ไม่รู้ทำไม แต่วันนี้ก็เป็นวันแรกที่ผมเพิ่งนึกว่าไม่เคยคลิกหน้า Last ใน Blognone มานานมากแล้ว พอกลับไปนั่งอ่านเรื่องที่เขียนกันสมัยแรกตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ก็จั๊กจี้ดีเหมือนกันว่าตอนนั้นเขียนอะไรที่ดูแปลกๆ เมื่อเทียบกับตอนนี้ กับบล็อกโล่งๆ ที่คงมีผมกับมาร์คอ่านกันอยู่สองคน พร้อมกับนั่งดู Stat ทุกวัน คุยกันแต่ละทีประมาณว่า “เฮ่ยวันนี้ถึง 60 ด้วยเว่ย” (ดูกันเองนั่นแหละคนละ 30 PV)

ผมสร้าง Blognone ขึ้นมาไม่ต่างจากการสร้างหนังสักเรื่องที่หลายๆ ครั้งสิ่งที่วางแผนไว้มากมายก็ไม่ได้บอกอะไรเราได้มากนัก จนเมื่อเราลงมือจริงๆ นั่นแหละเราถึงได้เห็นผลจากมัน หลายครั้งบางอย่างก็ได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ หรือบางอย่างก็ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า และบางอย่างก็ต้องแก้ไปจนเวิร์คในรูปแบบที่ผมกับมาร์คไม่ได้คิดไว้ในตอนแรก

แต่ชีวิตคนเราก็อาจจะเป็นอย่างนั้นมาตลอดชีวิตจริงไหม?

เขียนมึนๆ อย่างนี้ไม่มีอะไรมาก เรื่องของเรื่องคือผมเคยตั้งเป้าง่ายๆ กับ Blognone ว่าหลักข้างหน้าที่เราจะแข่งขันด้วยคือเว็บอย่าง ARIP ที่เนื้อหาค่อนข้างใกล่้เคียงกัน และครองตลาดมาได้มากกว่าด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่งจากสื่อสิ่งพิมพ์ แต่วันก่อนเข้าไปดู Alexa ก็เห็นอะไรที่นึกไม่ถึง

Blognone vs. Alexa

ตอนนี้ยังขี่ๆ กันอยู่ แต่ด้วยอัตรานี้เราน่าจะแซงขาดได้ภายใน 2 เดือนข้างหน้า ถ้า Blognone ยังคงเติบโตด้วยอัตรา 5-6 เท่าตัวต่อปีอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

Blognone Analytics

ตอนนี้เราคงต้องหาเป้าหมายต่อไป

ปล. ผมเกลียดหน้า Splash มากเป็นการส่วนตัว ดังนั้นไม่ว่างานเทศกาลใดๆ Blognone จะไม่มีวันมีหน้า Splash โดยเด็ดขาด
ปล2. ผมเรียกยอดแหลมๆ ในกราฟของ Analytics อันนั้นว่า “อนุสาวรีย์ MICT”

 

Spider

เคยอ่านเจอเรื่อง Spider Marketing ครั้งแรกในหนังสือของ ตัน โออิชิ มานึกได้อีกทีตอนที่ mk บอกว่า Codenone มีคนเข้าวันแรก 500 UIP และ 4300 PV ทำให้ผมนึกได้ว่า Blognone นั้นเดือนแรกมี PV ไม่เกินวันละ 60 สองคนต้องนั่งเขียนกันอยู่นับเดือนกว่าจะได้ถึง 100 PV

นั่งนึกแล้วตอนนั้นชีวิตลำเค็ญมาก….. :P

เป็นอีกครั้งที่ผมถูกตอกย้ำด้วยความคิดที่ว่า “ดังก่อนแล้วจะทำอะไรก็ทำ” แม้จะดูห้วนไปบ้าง แต่ความจริงคือในจุดที่เรามีอำนาจต่อรองต่ำๆ การที่เราโน้มตัวเองเข้าหาตลาดบ้าง เพื่อดึงให้ตลาดกลับมาอย่างที่เราเป็นอย่างช้าๆ ก็ดูเป็นเรื่องที่ออกจะเข้าท่าดีเหมือนกัน

ขณะที่ Blognone นั้นบทความทั่วไปค่อนข้างจะ “ตลาด” นับแต่ข่าวกล้องดิจิตอล, ซีพียู, ไปจนถึงวินโดวส์, กูเกิล และแอปเปิล ทำให้ฐานผู้อ่านของเรากว้างออกไปได้ตั้งแต่นิสิตนักศึกษา, คนชอบโมคอม, ไปเรื่อยจนถึงคนที่ไม่ใช้คอมทำอะไรมากไปกว่าการแต่งรูป ขณะเดียวกันเราก็สามารถทำตัวเองให้เป็นกระบอกเสียงทำหรับโลกโอเพนซอร์สได้เรื่อยมา นับแต่การสนับสนุนการใช้ IE7 Firefox เรื่อยมาจนถึงการติดตามข่าวของลินุกซ์เช่น Ubuntu

แม้วันนี้คนอ่านเกือบทั้งหมดของเราจะยังคงใช้วินโดวส์ แต่จุดเริ่มต้นที่ดีจุดหนึ่งคือพวกเขาจะรับรู้แล้วโลกนี้ไม่ได้มีเพียงวินโดวส์ พวกเขาจะได้รับรู้ว่าพวกเขายังมีทางเลือกให้ใช้งานได้ถ้าพวกเขาต้องการ ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกมันในวันนี้หรือไม่

ผมหวังว่า Codenone จะเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มโปรแกรมเมอร์ โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาที่จะตระหนักว่าโลกไม่ได้มีเพียง C#, Java และ PHP แต่ยังมีทางเลือกอีกมากที่เขาอาจจะพบว่ามันเหมาะกับการใช้งานของเขามากกว่า และภาษาเขียนโปรแกรมนั้นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเครื่องมือที่พวกเขาจะใช้งานมันเพื่อสร้างงานออกมา

ตอนนี้แอบคิดว่าเป็นไปได้ไหมถ้าเราจะเปิดสำนักข่าว Non-IT ในรูปแบบเดียวกับ Blognone?