Feeling

เพิ่งเข้าใจว่าเรื่องหนึ่งที่ยากเวลาสร้างความสัมพันธ์กับใครสักคนคือเรื่องของการแยกความรู้สึกออกจากกัน

คงเป็นเรื่องปรกติที่เวลาเราเป็นห่วงใครสักคนแล้วพบว่าเขาไม่ได้ตอบสนองต่อความรู้สึกของเราในแบบที่เราอยากให้เขาทำ

นาทีนั้นความคิดคงผสมปนเปกันอย่างสับสน หลายครั้งเรามักจะคิดว่าเราไม่ได้สนใจต่อความรู้สึกของเรา หนักเข้าเราเองอาจจะคิดว่าเริ่มเกลียดเขาไปแล้ว

แต่เมื่อย้อนเวลากลับมาแล้ว สุดท้ายเราก็พบว่าความห่วงใยก็ยังเป็นความห่วงใยอยู่ นั่นแหละและที่จริงแล้วเราก็ไม่ได้เกลียดอะไรเขาหรอก

 

สิทธิในการกระทืบ

ไม่มีอะไรมากครับ แต่อยากจะบอกพวกอ้างสิทธิในการกระทืบว่าจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นการติดคุกสักสามสี่ปีนี่ มันแสดงความไร้อารยธรรมอย่างเหลือเชื่อ

ไม่มีกฏหมายข้อไหนระบุให้การไปกระทืบคนอื่นเป็นสิทธิพึงมีของคนไทยคนใดๆ การกระทำผิดคือการกระทำผิด และโทษไม่ใช่ค่าธรรมเนียม คนที่บอกว่าสามารถกระทืบคนอื่นได้เพราะยินดีจะติดคุกไม่ต่างอะไรจากพวกคนรวยเลวๆ ที่ฝ่าไฟแดงแล้วยอมจ่ายค่าปรับ

ความชั่วคือความชั่ว การชดใช้ไม่ได้ทำให้ความชั่วมันหายชั่วแม้แต่น้อย

 

ช่างแม่งเหอะ

ขออภัยล่วงหน้าที่ขึ้นหัวข้อไม่สุภาพ พอดีอ่านบล็อกของ Plynoi แล้วนึกถึงตัวเองตอนถ่ายภาพ

รอบตัวผมมีไม่กี่คนที่ถ่ายภาพเป็นอาชีพครับ ตัวผมเองก็ถ่ายไว้ดูเอง ให้เพื่อนดูบ้างเป็นครั้งคราว แต่บางทีเจอเพื่อนร่วมทริปที่ไปถ่ายภาพด้วยกันแล้ว บางครั้งผมนึกในใจว่า มันจะสนุกตรงไหนล่ะนี่…. โดยเฉพาะเวลาโดนถามเซ้าซี้แบบ

  • อ่าว ไม่ถ่าย RAW เหรอ แล้วภาพจะชัดเหรอ?
  • ไม่ชดเชยเพิ่มอีกสักครึ่งสตอปล่ะ เดี๋ยวไม่พอดีนะ
  • เลนส์ตัวนี้ดีเหรอ ไม่ซื้อตัวใหญ่กว่านี้ล่ะ XXX ก็ดังดีนี่
  • ทำไมใช้ยี่ห้อ XXX ล่ะ YYY สีดีกว่าตั้งเยอะ ทนก็ทนกว่า บลาๆๆๆๆๆๆๆ……..
  • ถ่าย iso สูงแล้ว noise ไม่เยอะเหรอ

เลยมาสร้างแนวทางการถ่ายภาพแบบ “ช่างแม่งเหอะ”  ดังนี้

  •  ถ่ายภาพความละเอียดตามใจฉัน จะถ่าย RAW เมื่อมีวันหยุดยาวแล้วรู้ว่าหาสาวไปเที่ยวด้วยไม่ได้ ถ้าคุณมีอะไรทำมากมายมหาศาล แต่ยังถ่าย RAW ทุกรูปโดยหวังว่าสักวันหนึ่งจะว่างมาแต่ง แล้วต้องทนทุกข์กับเวลาไม่มีที่เก็บภาพมันจะสนุกตรงไหน
  • กดๆ ไป ตั้ง continue ยิงรัวไปเลยก็ได้ ไม่ต้องคิดมาก ก็มันถ่ายไม่แม่นให้ทำไงอ่ะ
  • ตั้ง iso สูงๆ เมื่อแสงน้อย ก็ ภาพมันมืด ตั้ง iso สูงมันผิดตรงไหน noise น่ะเอาเข้าจริงอาม่าที่บ้านเค้าไม่สนหรอก ขาตั้งกล้องอยากแบกก็แบก วันไหนไม่อยากแบกก็โยนมันไว้ใต้เตียง
  • ซื้อเลนส์แบบอยากใช้ เอาแบบเบาๆ ถ่ายสบาย จ่ายแพงซื้อเลนส์โปรแล้วต้องลำบากมาแบก ลำบากมาดูแล ซื้อมาทำไม?

ประเด็นคือกล้องเนี่ย “เรา” ซื้อ “มัน” มาใช้งาน สำหรับผมแล้วผมซื้อมันมาเพื่อความ “บันเทิงใจ” ส่วนตัว และผมเชื่อว่าคนไม่น้อยคิดแบบนี้ ผมไม่ได้ซื้อเทพเจ้ามาบูชาไว้หัวเตียง

หลายครั้งทีเดียวที่คำวิจารณ์ ที่ได้รับมาเป็นเรื่องที่ดีมาก เช่นเรื่องมุมมอง หรือแนวคิดการถ่ายภาพ แต่บ่อยครั้ง (เกินไป) ที่ผมเห็นเพื่อนักถ่ายภาพติดอยู่กับความละเอียดของภาพ ความสมบูรณ์เมื่อขยายด้วยกำลังขยายสูงสุด ฯลฯ เท่านั้นไม่พอยังพยายามกดดันให้คนอื่นเห็นดีเห็นงามไปด้วย

คิดไรมาก ถ่ายภาพมาแล้วอย่างน้อยๆ คุณมองภาพแล้วสบายใจตัวเองที่ได้ย้อนความหลังไปในช่วงเวลาดีๆ

มันก็พอแล้วหนิ

 

After-Access Anti-Virus

While I’m not claiming that Linux is a virus-free operating system. It’s very rare to be faced with any critical virus like those normally-found on Windows.

I has setup several Linux boxes for the file-sharing service. While the most of Windows virus wouldn’t affect to the linux box directly, my Linux boxes will become the virus carriers. That’s why I need anti-virus on Linux.

There’s some effort to provide on-access virus scan like ClamFS or samba-vscan. These efforts are very likely try to emulate live scan in Windows anti-virus software. But what I’m really need is to prevent my Linux boxes from being the carrier so I’m thinking about after-access anti-virus.

The idea is quite simple, any file that written into the disk should be scan immediately. For the users’ aspect, the file will be open upon the time they request it. There will be very low latency for this scheme. But after all users finished with their files, every files on the server will be guaranteed that they are all virus clean.

The implementation is fairly simple and not invasive to others service. I use pyinotify combined with pyclamd. Most code came from both library tutorial so I decide to use it internally for a while and hope this can be released to the world when it ready.