Streaming #2

วันก่อนดูช่อง Arirang ไปถึงข่าวบันเทิง เจอว่าสัมภาษณ์ดาราที่เล่นละครอยู่ ถามทั่วไปเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง แนวทางการดำเนินเรื่อง ฯลฯ แต่สะดุดที่มันเป็น “Web Drama” เพิ่งเคยได้ยินเลยมานั่งกดดูว่ามันคืออะไร

  • เจอใน Viki ปรากฎว่ามันหลายเรื่องเหมือนกัน (กดดูสองสามเรื่องแล้ว error หมด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลินุกซ์หรือดูในไทยไม่ได้) มาจากเกาหลี จีน มาเลเซีย
  • ลองหาใน Wiki เจอเรื่อง We Broke Up ลอยขึ้นมาเรื่องแรกถัดจากหน้า Web Series สะดุดที่ตารางออกอากาศ สองตอนแรกฉายวันเดียวกัน ที่เหลือเว้นสองวันบ้าง วันเดียวบ้าง สิบตอนจบภายในไม่ถึงเดือน
  • คิดถึงตอนที่แชมป์เขียนถึงรายการสำหรับ Netflix ว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงในการจัดวางแต่ละตอนเอง ไม่ต้องยืดหรือหดเนื้อหาขัดใจผู้กำกับเพราะต้องวางลงไปในผังรายการ พอเป็น Streaming แล้วทำมาแล้วคิวว่ายาวดีกว่า ก็ยืดไปเลยตามใจชอบ สั้นดีกว่าก็หั่นสั้นๆ หน่อยปล่อยเป็นตอนออกไปก่อนได้ แถมแนวทางการทำก็ต่างออกไป ไม่ต้อง flashback มาก คนดูไม่ได้โดนทิ้งช่วงที่ละสัปดาห์เหมือนแต่ก่อน ตารางปล่อยแต่ละตอนไม่ได้นานมากเหมือนทีวีเดิมๆ
  • ส่วนที่น่าจะต่างจากทีวีแน่ๆ ละครมันสร้างก่อนแล้วปล่อยได้ตามใจชอบ ถ้าเป็นเรื่องรองแล้วเจอรายการอื่นชนก็ยกของหนี ปรับตารางไป “ปล่อย” เวลาอื่นได้
  • คิดว่าในไทยใกล้แล้ว ที่จะเริ่มทำได้ แต่อาจจะ production ใหญ่ได้ไม่เท่า รายการทีวีไทยเรตติ้งสูงๆ ตอนนี้อยู่ที่ 6.4 ล้านคน ในไทยนี่กลุ่มคนแคสเกมนี่ 3-6 แสนวิวต่อวิดีโอยาวๆ เป็นชั่วโมงกันได้สบายๆ ในแง่คนดูน่าจะพอได้แล้ว ในแง่ว่าจะมีคนซื้อโฆษณาจนคุ้มทำละครไหมนี่ยังต้องดูวงการโฆษณาปรับตัว คนต้องรอมีคนใจกล้าทดลอง เช่นเด็กนิเทศทำละครสิบตอนแล้วดังสักเรื่อง
  • ในแง่เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตไทยยังไม่พร้อมจะมาแทนที่ทีวีนัก วิดีโอระดับ SD (360p-480p) ยังต้องการ bandwidth 400-1,000 kbps ชั่วโมงนึงกิน 250MB  ขึ้นไป คนกลุ่มใหญ่ยังใช้เน็ตไม่จำกัด  199 บาท (แถมที่บ้านยังไม่ค่อยมี land line กัน) ทั้งเดือนดูได้ตอนเดียวก็ติด FUP แล้ว คงต้องรอ FUP มันขยับไปสูงกว่านี้เป็น 500kpbs หรือไม่ค่า package ซื้อเพิ่มก็ถูกมากกว่านี้จนคนซื้อได้ง่ายๆ ไม่คิดมาก
  • ถึงตอนนั้นฐานคนดูรวมๆ น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับทีวีเดิมๆ ตอนนั้นก็ไม่ใช่ content เฉพาะสำหรับ “ชาวเน็ต” อีกต่อไป กลายเป็นรายการทีวีเดิมๆ นี่ล่ะ แต่เอามาฉายในเน็ตแล้วมีอิสระกว่า
 

Arirang

ดู YouTube แล้ววันนึงมันแนะนำวิดีโอช่อง ARIRANG มาให้ ตอนแรกคิดว่าเป็นช่องเกาหลีเหนือเพราะคิดถึง เทศกาล Arirang ในเปียงยางปรากฎว่าไม่ใช่ มันเป็นช่องภาษาอังกฤษของเกาหลีใต้ที่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลผ่านมูลนิธิอีกที (อิสระประมาณนึงแต่ก็เกี่ยวกับรัฐบาล อาจจะบอกได้ว่าประมาณ TPBS)

กดดูอยู่สองสามชั่วโมง ดีเกินคาด ช่วงบันเทิงก็ไม่มี (หรือผมอาจจะยังไม่เห็น) ข่าวส่วนตัวอะไร มีสัมภาษณ์ดารานักร้องเกี่ยวกับผลงานใหม่ ไล่ประวัติว่าดังมาจากไหนทำไมน่าสนใจ ข่าวการเมืองสังคมก็นำเสนอประเด็นสังคม พูดถึงกฎหมายใหม่เรื่องการสนับสนุนการบริจาคในเกาหลีใต้ว่ามีประเด็นสนับสนุนหรือโต้แย้งกันยังไง เกมโชว์เป็น quiz show ถามความรู้ทั่วไปสลับกับคำถามขำๆ (ประเภทว่าแฟนเก่าผู้ร่วมรายการคนไหนแย่สุด) มาหยุดดูเรื่องสุดท้ายเป็นสารคดีพานักเรียนสี่คนไปทัวร์ชายแดนเกาหลีเหนือ-จีน

ทำดีจนคิดว่าเปิดบน Chromecast ทิ้งเอาไว้ในห้องน่าจะดีกว่าเปิดทีวีไทย

 

My first IKEA Hack

12394069_955734371169090_69411851_n

  • HEJNE is IKEA’s cheapest shelf system. ALBERT is cheaper but you couldn’t buy the post separately.
  • I use HUGAD curtain rod as the clothes rail, it’s far cheaper than IKEA clothes rail at the same length.
  • The open wardrobe is nearly fill my room wall, so I leave a hole in the second section is the service door.
 

Streaming

เพิ่งสมัคร Apple Music + iflix กับเขา รับรู้ความเป็น “อนาคต” ของบริการสตรีมมิ่งด้วยตัวเอง เป็นโน้ตความคิดแบบกระจายๆ อีกแล้ว

  • บริการ broadcast นั้นเป็นขาลงอย่างเต็มตัว อาจจะยกเว้นเพียงช่องข่าวเท่านั้น
  • ความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะกระทบหนักสุดคือ ละครทีวีและรายการวาไรตี้เกมโชว์ทั้งหลาย
  • ความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเราไม่สามารถบอกได้ว่า ช่องทีวีคือช่องทางถ่ายทอดหลักได้อีกต่อไป ในบยุคต่อไป (อาจจะภายในสิบปีข้างหน้า) ช่องทางรับชมรายการรายการประเภทนี้จะผ่านทั้งทีวี และสตรีมมิ่งอื่นๆ ในสัดส่วนสำคัญพอๆ กันหรือมากกว่ามาก
  • รายการจะยังมี “ช่วงเวลา” ต่อไป รูปแบบที่เราเห็นในทุกวันนี้คือละครอย่างฮอร์โมน, รายการทีวีอย่าง The Voice ช่วงเวลาเป็นเพียงการบอกหมุดหมายของการ “เริ่มแพร่ภาพ” เท่านั้น ไม่ใช่ตารางทีวี
  • ภาพที่ชัดที่สุดคือ YouTube ในตอนนี้ มีรายการสด จบรายการแล้วปล่อยวิดีโอต่อเลย
  • ปัญหาสำคัญคือเด็กรุ่นต่อไปจะไม่ชินกับการดูตามตารางเวลาเป็นหลัก พวกเขาโตมากับ YouTube แม้ว่าอาจจะมีบางรายการที่พวกเขา “ติ่ง” พอที่จะขวนขวายให้ได้ดูพร้อมคนอื่นบ้าง
  • แต่รายการส่วนมากพวกเขาก็แค่อยากดู “เร็วๆ หน่อย” ตามตารางที่พวกเขาจัดเอง วันนี้อยากดูละคร วันนี้กลับดึกอยากโต้รุ่งด้วยรายการเกมโชว์ ฯลฯ
  • คนกลุ่มนี้จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนรายการทิ้งไม่ได้ ต้องปล่อยรายการออกแทบจะทันที (The Voice เป็นไปแล้ว)
  • ระบบเรตติ้ง จะเป็นคำถามว่ามันจะอยู่กับรายการอย่างไร รายการที่ไม่มีใครดูสด อาจจะคนดูเยอะมหาศาลเมื่อปล่อยวิดีโอไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ ตัวอย่างตอนนี้ก็ WorkPoint ใน YouTube
  • เรตติ้งทีวีมีปัญหาในตัวมันเอง เพราะมันเป็น “บุญเก่า”รายการที่เรตติ้งดีแต่บางตอนไม่สนุกก็จะเรตติ้งดีต่อไป เพราะคนคาดหวังจากตอนที่แล้ว ขณะที่ละครบางเรื่องอาจจะสนุกแต่ผิดพลาดในการโปรโมทแม้จะได้เรตติ้งดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ต้องรับ “กรรมเก่า” คนดูค่อยๆ เพิ่ม
  • การปล่อยรายการทันทีและนับรวมคนดูย้อน (ซึ่งอาจจะดูหลังเวลาจริงไม่ถึงวัน รอเวลาให้ไวรัลมันวิ่งแป๊บเดียว) เข้าไว้ในสถิติน่าจะยุติธรรมกับรายการมากกว่า
  • โมเดลรายได้ยังเป็นคำถามว่าจะเป็นอย่างไร โฆษณาต้องซื้อขาดในแต่ละตอนหรือไม่ หรือสามารถเปลี่ยนโฆษณาเมื่อผ่านช่วงเวลาไป รายการตอนคลาสสิกมากๆ ก็อาจจะมีคนดูไม่หยุดเป็นปีๆ รวมถึงการขายรายการผ่านสตรีมมิ่งเสียเงินดูจะต้องตัดโฆษณาออกหรือไม่ อันนี้ YouTube Red ก็มีประเด็นความสับสนเรื่องนี้
  • “เดา” ว่าในอนาคตโฆษณาแฝงที่ฝังในรายการจะเป็นโฆษณาขายขาดประเภทเดียว ที่เหลือคงขายแยกและขายใหม่ไปได้เรื่อยๆ