ปิดหู ปิดตา ปิดปาก

ใครงงเข้าไปอ่านประชาไทกันก่อนที่น่าสนใจคงเป็นข่าวนี้ กับข่าวนี้

โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนสนใจการเมืองน้อยกว่าค่าเฉลี่ยคนทั่วๆ ไป และหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยการเมืองนอกจากคนที่เชื่อใจได้ว่าจะไม่เอาไปเป็นอารมณ์จริงๆ ในเรื่องการเมืองว่าใครถูกหรือผิดอย่างไรในการทำรัฐประหารจึงอยู่นอกความสนใจโดยทั่วไปของผม แต่ที่ผมให้ความสนใจมากๆ คือความเสรีของสื่อ

ผมเบื่อหน่ายสื่อไทยในยุคปัจจุบันที่ขาดความเป็นกลาง ความรวดเร็วของข่าวอยู่ในระดับย่ำแย่ โดยเฉพาะความสามารถในการตรวจสอบข่าวจากผู้รู้ต่างๆ เรื่องที่น่าจะเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่คือ เราต้องการสื่อที่เสรีกว่านี้ ทำงานได้ดีกว่านี้ เป็นมืออาชีพมากกว่านี้ และโดยเฉพาะ อิสระมากกว่านี้

ไม่ใช่เรื่องปรกติ และไม่ใช่เรื่องดีเมื่อผู้มีอำนาจเกิดลงมาขอร้องกับสื่อต่างๆ ให้ทำงานอย่างนั้นอย่างนี้ตามแต่ใจของตน หากคำขอร้องนั้นเป็นผล มันไม่ได้แสดงอะไรนอกจากบ้านเมืองของเรากำลังถอยหลังลงคลอง ข้อเท็จจริงคือคนทำงานสื่อก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรเหนือกฏหมาย หากมีการเสนอข่าวที่ขัดต่อกฏหมายก็เป็นเรื่องนี้น่าจะถูกต้องหากมีการดำเนินการตามกฏหมาย

แต่การใช้อาศัยความมีอำนาจ มาขอร้องในเรื่องที่เกินขอบเขตกฏหมายเช่นนี้มันแสดงถึงอะไรกัน

 

Spider

เคยอ่านเจอเรื่อง Spider Marketing ครั้งแรกในหนังสือของ ตัน โออิชิ มานึกได้อีกทีตอนที่ mk บอกว่า Codenone มีคนเข้าวันแรก 500 UIP และ 4300 PV ทำให้ผมนึกได้ว่า Blognone นั้นเดือนแรกมี PV ไม่เกินวันละ 60 สองคนต้องนั่งเขียนกันอยู่นับเดือนกว่าจะได้ถึง 100 PV

นั่งนึกแล้วตอนนั้นชีวิตลำเค็ญมาก….. :P

เป็นอีกครั้งที่ผมถูกตอกย้ำด้วยความคิดที่ว่า “ดังก่อนแล้วจะทำอะไรก็ทำ” แม้จะดูห้วนไปบ้าง แต่ความจริงคือในจุดที่เรามีอำนาจต่อรองต่ำๆ การที่เราโน้มตัวเองเข้าหาตลาดบ้าง เพื่อดึงให้ตลาดกลับมาอย่างที่เราเป็นอย่างช้าๆ ก็ดูเป็นเรื่องที่ออกจะเข้าท่าดีเหมือนกัน

ขณะที่ Blognone นั้นบทความทั่วไปค่อนข้างจะ “ตลาด” นับแต่ข่าวกล้องดิจิตอล, ซีพียู, ไปจนถึงวินโดวส์, กูเกิล และแอปเปิล ทำให้ฐานผู้อ่านของเรากว้างออกไปได้ตั้งแต่นิสิตนักศึกษา, คนชอบโมคอม, ไปเรื่อยจนถึงคนที่ไม่ใช้คอมทำอะไรมากไปกว่าการแต่งรูป ขณะเดียวกันเราก็สามารถทำตัวเองให้เป็นกระบอกเสียงทำหรับโลกโอเพนซอร์สได้เรื่อยมา นับแต่การสนับสนุนการใช้ IE7 Firefox เรื่อยมาจนถึงการติดตามข่าวของลินุกซ์เช่น Ubuntu

แม้วันนี้คนอ่านเกือบทั้งหมดของเราจะยังคงใช้วินโดวส์ แต่จุดเริ่มต้นที่ดีจุดหนึ่งคือพวกเขาจะรับรู้แล้วโลกนี้ไม่ได้มีเพียงวินโดวส์ พวกเขาจะได้รับรู้ว่าพวกเขายังมีทางเลือกให้ใช้งานได้ถ้าพวกเขาต้องการ ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกมันในวันนี้หรือไม่

ผมหวังว่า Codenone จะเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มโปรแกรมเมอร์ โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาที่จะตระหนักว่าโลกไม่ได้มีเพียง C#, Java และ PHP แต่ยังมีทางเลือกอีกมากที่เขาอาจจะพบว่ามันเหมาะกับการใช้งานของเขามากกว่า และภาษาเขียนโปรแกรมนั้นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเครื่องมือที่พวกเขาจะใช้งานมันเพื่อสร้างงานออกมา

ตอนนี้แอบคิดว่าเป็นไปได้ไหมถ้าเราจะเปิดสำนักข่าว Non-IT ในรูปแบบเดียวกับ Blognone?

 

ทำไมไม่มี

ขับรถมาสองอาทิตย์ รู้สึกรำคาญหลายๆ อย่างที่โรงงานไม่ยอมใส่มาในรถซักที แถวนี้ไม่รู้มีใครทำงานบริษัทรถบ้าง ช่วยเอาไอเดียไปบอกหัวหน้าที

  1. เซ็นเซอร์ด้านหน้า เซ็นเซอร์ถอยหลังเราก็มีกันมาเยอะแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมไม่ใส่เซ็นเซอร์ด้านหน้ากันซักที ราคาค่าเซ็นเซอร์ก็ไม่น่าจะแพงอะไรมากเทียบกับราคารถ ใส่ไปอีกสองตัวด้านหน้า เวลาต้องถอยออกจากซองแคบๆ มันช่วยได้เยอะ
  2. ปุ่ม mute ใครไม่เคยโทรศัพท์ในรถบ้าง? ผมเพิ่งรู้ว่าเวลาผมจะโทรศัพท์ในรถ (ใช้ Loud Speaker) ต้องปิดวิทยุก่อนทุกรอบ!!! ความจริงน่าจะใส่ปุ่ม mute อันโตๆ มาให้กดง่ายๆ เวลาจะรับโทรศัพท์กัน
  3. เซ็นเซอร์รถไหล ไม่รู้อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นเพราะรถไหลไปกี่รายแล้ว แต่ไม่น้อยแน่ๆ แค่ใส่เซ็นเซอร์ตรวจสอบว่ารถกำลังเคลื่อนที่โดยไม่ได้มาจากกำลังเครื่องยนต์ไม่น่าจะยากอะไร
  4. ทำไมรูกุญแจต้องเอาไปซ่อนหลังพวงมาลัย? กลัวใครจะเห็นหรือ? มันไขลำบากนะนั่น
  5. ไฟเดือนลืมเปิดไฟหน้า น่าจะเข้าท่าดี ถ้าหลังหกโมงแล้วไม่เปิดไฟหน้าจะมีไฟเตือนมาบอก บางทีถนนมันสว่างแล้วลืมตัวก็มีมาแล้ว
  6. เกนจ์น้ำมัน ใส่ตัวเลขทีได้ไหม ว่าตอนนี้มันเหลือประมาณกี่ลิตร ทำไมความเร็วรอบกับความเร็วรถก็ใส่เลขกันได้ พอมาถึงถังน้ำมันแล้วตัวเลขมันหาย
  7. เกนจ์แบตเตอรี่ น่าจะทำแบบโน้ตบุ๊กได้ มีบอกไปเลยว่าตอนนี้อยู่ที่กี่ % อาจจะแพงไปหน่อยแต่ถ้ารถรุ่นหรูๆ มีก็คงเท่ห์ดี

รวยเมื่อใหร่จะโมรถให้มันมีทุกอย่างเลย

 

Against-Tag

ปรากฏการณ์ Blog-Tag ที่เพิ่งเกิดขึ้น นับว่าเป็นการแสดงความสามารถในการเชื่อมโยงของโลกไซเบอร์ได้ค่อนข้างดี ไว้รอมันซาๆ ไปก่อนจะไปขอตัวเลขมาวิเคราะห์กัน แต่ที่น่าสนใจคือเป็นไปได้ไหมที่เราจะใช้แนวทางนี้ในการทำอย่างอื่น เช่นการประท้วงอย่างสันติ

เราเห็นกันบ่อยๆ ที่มีการรณรงค์โดยบางกลุ่มให้ติด Tag บนหัวเว็บเพื่อประกาศความเป็นตัวตนบางอย่าง แต่ขณะที่การเรียกร้องให้แก้รูปแบบเว็บอาจจะลำบากสำหรับคนส่วนมาก (โดยเฉพาะคนขี้เกียจอย่างผม) เราอาจจะใช้รูปแบบอะไรที่ง่ายๆ เพื่อให้ประชากรในเว็บแสดงเจตจำนงค์บางอย่างร่วมกัน

ผลที่ออกมาคงคล้ายๆ กับ OpenLetter ของ Blognone แต่ถ้าเป็นเรื่องที่คนจำนวนมากเห็นตรงกัน การใช้การแสดงความเห็นในรูปแบบนี้อาจจะสร้างปรากฏการณ์อะไรบางอย่างที่ต่างกันออกไป

แค่สงสัย เราอาจจะต้องรอเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่คนจำนวนมากๆ เห็นตรงกันอีกที