It has to be change.

ได้ดูสารคดี Independent Media in a Time of War (โดย Amy Goodman) แล้วสื่อไทยส่วนใหญ่อาจจะโล่งอกที่สื่อในไทยนั้นคุณภาพไม่ได้แย่ไปกว่าสื่อในสหรัฐฯ สักเท่าใหร่ เพราะสารคดีเรื่องนี้ตีแผ่ว่าสื่อในสหรัฐฯ นั้นเลวร้ายเพียงใดในวันนี้

เราแค่แย่กว่าเค้าลงไปอีก “หน่อยหนึ่ง”… เท่านั้นเอง

สื่อที่โดนแทรกแซงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายอื่นใดๆ ไม่ใช่เรื่องดีทั้งสิ้น สื่อควรตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเองได้แล้วว่าที่คนเขาทนดูโฆษณาให้พวกท่าน เพราะเขาหวังจะได้รับรู้ข้อมูลอะไรที่มากไปกว่า “ประกาศรัฐบาล” หรือความเห็นของคนใดเพียงกลุ่มเล็กๆ

This has to be change. This has to be challenge.
Amy Goodman

 

Blognone Club

พอดีไปเจอ Official Google Webmaster Central Blog (มันจะตั้งชื่อบล็อกยาวขนาดนี้ทำลิงอะไรฟ่ะ) พูดถึงเรื่องการหารายชื่อเว็บที่ลิงก์เข้ามาหาเว็บเรา โดยหลักๆ คือกูเกิลแนะนำว่าการหาด้วยการใช้ “link:” ในแบบเดิมๆ มันก็โอเค แต่จริงๆ มันมีวิธีที่ดีกว่านั้นคือการใช้ Webmaster Tools ซึ่งสามารถเรียงรายการออกมาให้เราได้อย่างสวยงาม แถมโหลดเป็นไฟล์ CSV ได้อีกต่างหาก

แน่นอนว่าโหลดรายการมาแล้วก็พบว่ารายการหมื่นกว่าเกือบสองหมื่นรายการนั้น มักเป็นรายการซ้ำๆ กันซะมากกว่าเช่นการเขียนบล็อกถึง Blognone ก็จะมีลิงก์ทั้งหน้าแรก, หน้า Archive และหน้าของตัวบล็อกนั้นๆ เอง ไม่ต้องพูดถึงบางบล็อกที่ทำ Blognone เป็นลิงก์ถาวร ทำให้มีหลายร้อยรายการในบล็อกนั้นๆ

ว่าแล้วเลยเขียน Python มานั่งอ่านแล้วจำแนกออกมาได้ 508 URL โดเมนที่มีลิงก์มาหา Blognone โดยเรียงตามลำดับวันที่เริ่มลิงก์ เท่าที่ดูแล้วพบว่าลิงก์เก่าๆ นั้นไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย อาจจะเป็นเพราะ Webmaster Tools นั้นไม่ได้เก็บข้อมูลเก่าๆ ไว้้เป็นเวลานานๆ แต่สำหรับลิงก์ใหม่ๆ ก็ดูได้ไม่มีปัญหาอะไร

ถ้าอยากดูรายการลิงก์ยาวๆ ก็กดเข้าไปดูต่อเลยได้ ทำไว้เรียงจากเก่ามาใหม่ ดังนั้นอันใหม่ๆ จะอยู่ล่างๆ นะครับ

… 

 

Blognone รำลึก

ปีนี้กำลังเข้าสู่ปีที่สามของ Blognone ครับ เว็บที่เกิดขึ้นง่ายๆ ด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ตอนกินข้าวเช้าก่อนไปเรียน แล้วพบความรำคาญหลายๆ อย่าง ในวันนี้มันมีคนเข้าต่อวันกว่าสี่พันคน และผู้เขียนที่ส่วนใหญ่ผมไม่เคยเจอหน้าอีกนับสิบ

Blognone's Begin

ไม่รู้ทำไม แต่วันนี้ก็เป็นวันแรกที่ผมเพิ่งนึกว่าไม่เคยคลิกหน้า Last ใน Blognone มานานมากแล้ว พอกลับไปนั่งอ่านเรื่องที่เขียนกันสมัยแรกตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ก็จั๊กจี้ดีเหมือนกันว่าตอนนั้นเขียนอะไรที่ดูแปลกๆ เมื่อเทียบกับตอนนี้ กับบล็อกโล่งๆ ที่คงมีผมกับมาร์คอ่านกันอยู่สองคน พร้อมกับนั่งดู Stat ทุกวัน คุยกันแต่ละทีประมาณว่า “เฮ่ยวันนี้ถึง 60 ด้วยเว่ย” (ดูกันเองนั่นแหละคนละ 30 PV)

ผมสร้าง Blognone ขึ้นมาไม่ต่างจากการสร้างหนังสักเรื่องที่หลายๆ ครั้งสิ่งที่วางแผนไว้มากมายก็ไม่ได้บอกอะไรเราได้มากนัก จนเมื่อเราลงมือจริงๆ นั่นแหละเราถึงได้เห็นผลจากมัน หลายครั้งบางอย่างก็ได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ หรือบางอย่างก็ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า และบางอย่างก็ต้องแก้ไปจนเวิร์คในรูปแบบที่ผมกับมาร์คไม่ได้คิดไว้ในตอนแรก

แต่ชีวิตคนเราก็อาจจะเป็นอย่างนั้นมาตลอดชีวิตจริงไหม?

เขียนมึนๆ อย่างนี้ไม่มีอะไรมาก เรื่องของเรื่องคือผมเคยตั้งเป้าง่ายๆ กับ Blognone ว่าหลักข้างหน้าที่เราจะแข่งขันด้วยคือเว็บอย่าง ARIP ที่เนื้อหาค่อนข้างใกล่้เคียงกัน และครองตลาดมาได้มากกว่าด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่งจากสื่อสิ่งพิมพ์ แต่วันก่อนเข้าไปดู Alexa ก็เห็นอะไรที่นึกไม่ถึง

Blognone vs. Alexa

ตอนนี้ยังขี่ๆ กันอยู่ แต่ด้วยอัตรานี้เราน่าจะแซงขาดได้ภายใน 2 เดือนข้างหน้า ถ้า Blognone ยังคงเติบโตด้วยอัตรา 5-6 เท่าตัวต่อปีอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

Blognone Analytics

ตอนนี้เราคงต้องหาเป้าหมายต่อไป

ปล. ผมเกลียดหน้า Splash มากเป็นการส่วนตัว ดังนั้นไม่ว่างานเทศกาลใดๆ Blognone จะไม่มีวันมีหน้า Splash โดยเด็ดขาด
ปล2. ผมเรียกยอดแหลมๆ ในกราฟของ Analytics อันนั้นว่า “อนุสาวรีย์ MICT”

 

ดีกว่า

ช – ทำไมคุณจึงไปเลือกเขา

ญ – ฉันคิดว่าเขาดีกว่าคุณ

ช – ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น คุณมองไม่เห็นส่วนดีของผมบ้างเลยหรือ

ญ – ฉันอาจจะมองเห็นแต่ฉันไม่ได้เห็นว่ามันเป็นส่วนดีสำหรับฉัน