แฟนเดย์ (spoil)

TL;DR น่าจะเป็นเรื่องที่ชอบที่สุดในบรรดาหนัง GTH (เปลี่ยนชือค่ายแล้วแต่ก็รวมว่าแนวนี้แล้วกัน)

  • โลโก้ GDH วนไปมาสองรอบ และขึ้นชื่อก่อนหนังอีกรอบ เอียน (และก็ยังคิดว่าชื่อเต็มมันเห่ยนะ เทียบกับ GTH)
  • ไม่เจอโฆษณา (ไม่) แฝงแบบน่าเกลียดเลย จบเรื่องแทบก้มลงกราบพื้นโรง ทำให้ได้อย่างนี้ทุกเรื่องนะครับ
  • เจอแบรนด์เดียวในเรื่องคือ Jazz ทั้งรถและพูดถึงตอนหลัง แต่ไม่น่าเกลียดอะไร ของแบบนี้ถ้าได้เงินแล้วเข้ากับเรื่องก็ใช้ไปเถิด แบบเดียวกับแป๊บซี่ ในกวนมึนโฮ
  • ที่ขัดใจที่สุดคือความจำเสื่อมแบบ TGA มันจะไกลถึงสามสี่ปีเลยเหรอ? (ไม่เชื่อ แต่ยังไม่ได้หาข้อมูล) และเจอไอ้ที่ว่าวันต่อมาจะหายเองแล้วลืมวันนี้แบบแน่นอนอีก (อันนี้ยิ่งโคตรไม่เชื่อ)
  • แต่โอเค มันคือการประกาศกฎของ universe ในหนัง แม้จะตะงิดๆ ก็ตาม
  • ขัดใจรองลงมาคือตอนมึนๆ ของนางเอกกับยอมไปเที่ยวต่อ (หรือแม้แต่ไปกินข้าว) ง่ายไปหน่อย เพื่อให้เชื่อได้มันน่าจะเครียดกว่านี้อีก
  • ที่ชอบหลักๆ คือมันเป็นหนังรักที่เครียด ดูคนเขียนบทจะไม่ได้พยายามทำให้มันเป็นรักหวานแหววนัก แม้แต่วิดีโอตอนนางเอกมีความสุขก็ไม่ได้ใส่ไว้ในฉากกลางเรื่องช่วงไปเที่ยว
  • ฉากที่ดูจะมีความสุขเลยถูกครอบด้วยนาฬิกานับถอยหลังตลอดเวลา ถ้าเล่นกับความเครียดเรื่องเวลาของพระเอกได้น่าจะกดให้เรื่องเครียดขึ้นอีก
  • พระเอกไม่ได้ geek มันแค่เข้าสังคมไม่เป็น geek จำนวนนึงอาจจะชอบพูดเรื่องที่คนอื่นไม่สนใจ แต่ประเภทพูดเลวๆ ใส่คนอื่น (อย่างน้องที่มาขอบคุณคนแรก) หรือทำตัวประหลาดนี่เป็นปัญหาอีกอย่าง
  • มันมี geek จำได้จริงๆ เหรอว่าปีไหนติ๊กปีไหนต๊อก? (ที่เคยข่าวก็เขียนตาม press ของอินเทลอย่างเดียว)
  • นิสัยแบบนี้ต่อให้คบกันจริงๆ หลังจบเรื่องก็น่าจะมีปัญหานะ
  • แล้วมันจะรอปรับ process ผลิตซีพียูค่อยรอซื้อใหม่ทำไม (ว่ะ) ออกรุ่นใหม่ครบอายุเครื่องเก่าก็ซื้อไปเถอะ
  • สายซิงก์แอนดรอยด์… หลานของสายบีบี อนาคตแม่งจะมีสายซัมซุง (เรียกสาย USB กันแล้วโลกสลาย)
  • การกระทำอย่างเดียวกัน ถ้าเกินเลย ถ้าเขาชอบก็น่ารักดี ถ้าไม่ชอบก็น่ารังเกียจ
  • ตอนจบตัดพอดีล่ะ
 

สแตมป์, สิทธิ์แลกซื้อ, และสมาชิก

เห็นโพสนี้ของ @tpagon เลยคิดขึ้นได้ว่าจะเขียนเรื่องนี้นานแล้ว

ในหนังสือ Data and Goliath พูดถึงเรื่องการสมัครสมาชิกสะสมแต้มว่าตัว Bruce ไม่ชอบใช้นัก เพราะมันติดตามตัวได้  เลยมานึกได้ว่าในระบบสมนาคุณลูกค้า ความสามารถในการติดตามตัวนั้นต่างกัน

  • สมาชิก บัตรสมาชิกทั้งหลาย รวมถึงบัตรจ่ายเงินที่ลงทะเบียนชื่อ มีอำนาจการติดตามสูงสุด มันผูกพฤติกรรมการใช้งานของเราเข้ากับตัวตนของเราอย่างสมบูรณ์ ผู้เก็บข้อมูล จะรู้ว่า ใคร จ่ายอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน แม้เราเลิกใช้งานแล้วก็ยังมีข้อมูลตัวตนเราผูกกับประวัติในอดีตว่าเราเคยซื้ออะไร ที่ไหน เมื่อไหร่
  • สิทธิ์แลกซื้อ อันนี้ของ 7-11 ในความเป็นจริงน่าจะเทียบเท่ากับบัตรจ่ายเงินที่ไม่ลงทะเบียน มันมีอำนาจการติดตามข้ามครั้งการจ่าย ครั้งที่แล้วจ่ายอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ (จึงได้สิทธิ์แลกซื้อมา) และผูกเข้ากับการจ่ายครั้งต่อๆ ไป (อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่) มันไม่มีอำนาจในการติดตามตัวตน (เพราะเราไม่ได้ให้ข้อมูล) กรณีของบัตรจ่ายเงิน อำนาจการติดตามการจ่ายจะค่อนข้างมาก เพราะเราใช้ต่อเนื่องยาวนาน ทำให้รู้พฤติกรรมมากขึ้น เช่น มักจะขึ้นรถไฟที่ไหน ลงที่ไหน ซื้ออะไรบ่อยๆ ฯลฯ เมื่อเราเลิกใช้แล้วและพฤติกรรมเปลี่ยนไป (เช่นย้ายบ้าน) และเปลี่ยนบัตร ก็ยากที่จะผูกข้อมูลเดิม เข้ากับตัวตนของเรา
  • สแตมป์ ใกล้เคียงเงินสด (ไม่เหมือนทีเดียวเพราะจริงๆ ธนบัตรยังมีเลข) แต่ลักษณะการใช้งานคือไม่สามารถติดตามได้ว่าสิทธิ์นี้ได้มาจากไหน เมื่อไหร่ เพราะอะไร เราอาจจะใช้ 7-11 สองสาขาที่บ้านและที่ทำงาน แต่ไม่ว่าเราจะใช้ยาวนานแค่ไหนก็ไม่สามารถผูกข้อมูลได้ว่ามีการใช้งานข้ามไปมาระหว่างสาขา
 

The Handmaiden

ช่วงนี้หนังเกาหลีเข้าเป็นพรีวิวใกล้ๆ กันสองเรื่อง คือ Train to Busan กับเรื่องนี้ คิดๆ อยู่ว่าจะดูเรื่องไหน ตอนแรกคิดว่า Train to Busan เข้าแล้วเลยจะรีบไปดู ปรากฎว่าเป็นช่วงพรีวิว เลยคิดว่าไว้รออาทิตย์หน้าก็ได้

ไม่เคยได้ยินชื่อเรื่องนี้มาก่อนจนเห็นรอบฉายในลิโด้ คนดูพบว่าคะแนนสูงมาก (IMDB 8.0, Rotten Tomatoes 92%) แม้ว่าจะเป็นหนังเรต แต่สุดท้ายก็ไปดู (น่าจะเป็นหนังเรตเรื่องแรกที่ดูในโรงเลย)

  • ใน IMDB จัดหมวดเป็น Drama, Romance แต่ออกมาจากโรงแล้วไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ไปดู Rotten Tomatoes จัดเป็น Erotic Thriller คิดว่าตรงกว่ามาก
  • ถ้าไม่นับฉากทางเพศที่แรงกว่าหนัง thriller อื่นๆ แล้ว เรื่องนี้มีความเป็น thriller สูงมาก ฉากทางเพศแรงๆ นับจริงๆ น่าจะไม่เกิน 20 นาทีจากทั้งเรื่องสองชั่วโมงครึ่ง (แต่ตอนนั่งอยู่ในโรงฉากพวกนี้มันก็จะรู้สึกว่านานกว่าปกติอ่ะนะ)
  • ในเรื่องเป็นเรื่องยุคญี่ปุ่นครองเกาหลี บทพูดเล่นกับการสลับคำพูดญี่ปุ่น/เกาหลีหลายจุด รวมถึงการเล่นกับตัวอักษร คนไทยไม่รู้เรื่องทั้งคู่ บางทีดูๆ ไปก็ไม่รู้ว่ามันสลับภาษากัน
  • ภาพไม่สวยมาก ไม่รู้คิดเองรึเปล่า แต่ฉากหลายฉากน่าจะถ่ายออกมาได้สวยกว่านี้ ฉากวิวในสวน หรือฉากห้องอ่านหนังสือ ตัวฉากดูสวยงามอลังการดี แต่ภาพออกมาดูจะแบนๆ สักหน่อย อาจจะตั้งใจจัดแสงให้สมจริงมากกว่าเน้นความสวย
  • หนังดีสมคำชม ไม่ผิดหวังที่ไปดู ดูเสร็จแล้วออกมานั่งคิดว่าด้วยบทแบบนี้ ถ้าผู้กำกับยอมลดความแรงลงให้เป็นหนัง thriller ทั่วไปมันน่าจะทำเงินได้มากกว่านี้ แต่คิดอีกทีก็ไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาได้ดีแบบนี้ไหม
  • รวมๆ ฉากทางเพศที่ใส่มามันมีเหตุผลของมันอยู่พอสมควร มันย้ำความสัมพันธ์ของคนในเรื่องทำให้เนื้อเรื่องมันชวนให้ “เชื่อ” ได้มากขึ้น แต่บางฉากที่จริงๆ ไม่ต้องมีก็ได้ นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะใส่มาทำไม
  • ถ้าใครโอเคกับฉากทางเพศแรงๆ หน่อย รวมๆ ก็น่าไปดู