เนื่องจากเดือนนี้เขียนบทความลง e-Commerce กับเค้าด้วยหนึ่งบทความ เลยถูกขอให้ใส่รูป
ปรกติแล้วผมไม่ค่อยใช้หน้าตัวเองลงเว็บเท่าใหร่ แต่ไหนๆ มันลงหนังสือไปแล้ว ก็เลยเปลี่ยน Avatar ไปทั่วเลยซะทีเดียว
รูปนี้มันแนวไปม่ะ?
เนื่องจากเดือนนี้เขียนบทความลง e-Commerce กับเค้าด้วยหนึ่งบทความ เลยถูกขอให้ใส่รูป
ปรกติแล้วผมไม่ค่อยใช้หน้าตัวเองลงเว็บเท่าใหร่ แต่ไหนๆ มันลงหนังสือไปแล้ว ก็เลยเปลี่ยน Avatar ไปทั่วเลยซะทีเดียว
รูปนี้มันแนวไปม่ะ?
ว่ากันว่า ความรักที่แท้นั้นเป็นความรักที่เพื่อคนอื่น ส่วนความรักที่เอาเข้าตัวอย่างเดียวนั้นจะกลายเป็นความเห็นแก่ตัวไป
หนังรักเรื่องหนึ่งที่อยู่ในหัวผมอยู่เสมอคือเรื่อง As Good as It Gets มันเป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่เป็นโรค [OCD](http://en.wikipedia.org/wiki/Obsessive-compulsive_disorder) ทำให้ตัวเขาเองมีความคิดในแง่ลบ และพูดอะไรต่อมิอะไรในแง่ลบตลอดเวลา
แล้วชายคนนี้ก็มีความรัก…
สปอยกันดื้อๆ ว่าหนังเรื่องนี้จบ Happy Ending แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
เรื่อง [As Good as It Gets](http://en.wikipedia.org/wiki/As_Good_as_It_Gets) นั้นให้มุมมองที่คล้ายๆ เรื่อง “เวลาในขวดแก้ว” แต่เป็นมุมมองของความรัก ทั้งสองเรื่องจบแบบมีความสุขโดยที่ถ้าใครดูในเนื้อหาแล้ว อุปสรรคของความสุขที่มีมาตลอดเรื่องนั้นไม่ได้หายไปไหน
Melvin ซึ่งเป็นพระเอกนั้นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเอาชนะอาการของเขาเองที่ทำให้เขาพูดสิ่งต่างๆ ที่เลวร้าย ชนิดที่ว่าผู้หญิงคนไหนได้ยินคงร้องไห้ตลอดเวลา นางเอกคือ Carol นั้นก็รับรักของ Melvin โดยตระหนักดีว่าเขาจะไม่สามารแก้ปัญหาของเขาได้ดีไปกว่านี้อีกแล้วดังชื่อเรื่อง (ดีเท่าที่จะทำได้…)
ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์ ไม่มีเลย เราทุกคนล้วนมีข้อเสียบางอย่างที่ทำให้คนที่เรารักเจ็บปวดได้เสมอ
ดูจะเป็นความขัดแย้งที่แปลกประหลาด ขณะที่เรารักคนๆ หนึ่งแล้วอยากให้เขามีความสุข เราพบว่าตัวเราเองนั่นแหละที่ทำให้เขาทุกข์อยู่ด้วย
แน่นอนไม่ใช่ความรักทุกครั้งจะเป็นเช่นนี้ คู่รักหลายคู่เลือกที่จะจบความสัมพันธ์เพื่อจะจบความเจ็บปวดนั้น
ดูเหมือนว่าจะไม่มีเส้นแบ่งใด บอกได้ว่าตรงไหนกันที่ความสัมพันธ์หนึ่งๆ จะไปต่อ หรือจะจบลง เพราะทุกความสัมพันธ์นั้นเองก็มีด้านที่เลวร้ายอยู่ด้วยกันทั้งนั้น
เราเลือกที่จะแลกเปลี่ยนกันระหว่างความสุขและความทุกข์ที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์เหล่านี้ เพราะมันเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าเท่านั้นหรือ?
เนื่องจากช่วงนี้ตกงานครับ เลยเป็นโอกาสอันดีที่จะไปต่อใบขับขี่เสียให้เรียบร้อย แม้ว่าจะหมดอายุในอีกสามเดือนข้างหน้าก็ตาม
จริงๆ แล้วภาพแย่ๆ ของการทำใบขับขี่นั้นสำหรับผมจะมีบ้างก็สมัยฟังพ่อเล่าให้ฟังว่ามันทำยากนักหนายังไง กับอีกครั้งคือตอนไปสอบเองที่เสียเวลาไปทั้งวัน แต่พอมีโอกาสต้องไปทำใบขับขี่ใหม่เนื่องจากกระเป๋าตังค์หายก็พบว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไรอย่างนั้นเลย ทุกอย่างใช้เวลาดูสมเหตุผลดีพอสมควร
และวันนี้ การทำใบขับขี่ก็ “รับน้อง” ผมจนได้
ข้อควรรู้เบื้องต้น
– การทำใบขับขี่แบบ 5 ปี ต่อไปอีก 5 ปี ใช้เวลา “อย่างน้อยที่สุด” คือ 1.5 ชั่วโมง ในกรณีที่คุณฟลุคเข้าไปคนท้ายๆ ของชุดแล้วได้ทดสอบพอดี
– ต้องดูหนังอีก 53 นาที หนังทำดีใช้ได้แต่นานเกินไป เนื้อเรื่องหลายส่วนยืดอย่างไม่จำเป็น ตัดลงเหลือ 40 นาทีจะดีขึ้น
– ข้อมูลไม่แน่น น่าจะมีสรุปหน่อยว่าการกระทำที่ไม่ดีนี่มันมีผลรวมๆ ที่เก็บมาได้ยังไงบ้าง
– บุหรี่เต็มเรื่อง แต่ไร้หมอกแห่งศีลธรรม
– ไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์นะ
– ทำบัตรมี 5 ช่อง คนนึง 2-3 นาทีก็เสร็จ เก็บค่าถ่ายรูป 100 บาท ยิ้มได้!!! แถมถ่ายสองรูปให้เลือก (สาวก่อนผมยิ้มร่าเลย..)
ความบัดซบมันเริ่มขึ้น เมื่อผมยื่นฟอร์มใบแรกไป แล้วเจ้าหน้าที่เดินกลับมาบอกว่า “น้องคะที่อยู่น้องไม่ตรงกับในทะเบียนราษฏร์นะคะ ขอสำเนาทะเบียนบ้านด้วย….”
สปอยล่วงหน้าคือแถวบ้านผมมีการจัดระเบัยบเลขที่บ้านใหม่ครับ ทีนี้ไอ้ผมก็ไม่มีทะเบียนบ้านใหม่ บ้านเลขที่เดิมนั้นก็ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นปู่
เจ้าหน้าที่ดูไม่ตกอกตกใจอะไร คงเพราะมีคนโดนกันหลายหมื่นหลายแสนจนชิน เลยบอกให้ผมไปทดสอบให้เสร็จก่อนเลย แล้วค่อยไปคัดสำเนาทะเบียนราษฎร์ที่เขตเอาทีหลัง
ผมเข้าไปถึงตอน 9.30 ทดสอบเสร็จจนบ่มสุกแล้วก็ออกมาตอน 11.10 ครับ ออกมาเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าน้องไปเขตได้เลย “แล้วกลับมาให้ทันบ่ายสามนะ….” (ไปเขตไหนก็ได้ เขตบางขุนเทียนนั้นอยู่ห่างไปไม่ถึง 10 กิโลเท่านั้น๗
ขับรถไปเขตบางขุนเทียน เทียบท่าเวลา 11.40 เดินไปขอบัตรคิว เจ้าหน้าที่ตรงประชาสัมพันธ์ก็บอกว่า 21 คิวนะคะ…
สำนักงานเขตยุคใหม่รับใช้ประชาชนครับ น่าประทับใจมากๆ ผมใช้เวลาเพียง 2 นาทีก็ได้สำเนาทะเบียนบ้านที่ update แล้วออกมาสองใบ
แต่ก่อนนั้นแม่งรอไปสองชั่วโมงเต็ม!!!
ผมพบว่าสำนักงานเขตนี่ “ราชการ” ฉิบหายเลยครับ อารมณ์เดียวกับที่ผมเจอที่ ม. เลย
– คำร้องประเภท 1 รอช่อง 14-18 นะครับ
– ห้าช่องคนทำอยู่คนนึง
– ช่องข้างเคียงนั่งว่าง
– จัดประเภทกันอีท่าไหนไม่รู้ ของผมสองนาที บางคน 20 นาที
ผมรอจนอ่าน The Cardinal of Kremlin จบไปสองบท หลับไปอีกตื่น จนผ่านไป 20 คิวแล้วเคาท์เตอร์ข้างๆ เพิ่งเรียกว่า “ช่องนี้ก็ได้นะครับ”
ตอนนั้นก็ถึงคิวผมพอดี….
แสงวันนี้มันสวยดี ปลายเมฆเป็นสีรุ้ง
ตอนแรกว่าจะไม่เขียนถึงแต่เห็น[บล็อกของแชมป์](http://champ.exteen.com/20090613/my-saturday)เลยเอามั่ง